นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ต.ค.65 อยู่ที่ 57.15 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.26 จุด หรือคิดเป็น 0.45% จากระดับ 56.89 จุดเมื่อเดือน ก.ย.65 โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย การอ่อนค่าของเงินบาทหนุนราคาทองคำในประเทศ และความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย
ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 (ต.ค.-ธ.ค.65) อยู่ที่ระดับ 50.80 จุด ปรับลดลง 2.65 จุด หรือคิดเป็น 4.95% จากระดับ 53.45 จุด ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 โดยสาเหตุที่ดัชนีฯ ปรับลดลงมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้น การลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และเงินทุนไหลเข้าไปสู่สินทรัพย์เสี่ยง
โดยคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ต.ค.65 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 315 ราย ในจำนวนนี้มี 135 ราย หรือ 43% จะซื้อทองคำ ขณะที่ 120 ราย หรือ 38% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่ ส่วนที่เหลืออีก 60 ราย หรือ 19% ไม่ซื้อทองคำ
สรุปกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือ 46% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ต.ค.65 จะเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 5 ราย หรือ 39% คาดว่าจะลดลง และจำนวน 2 ราย หรือ 15% คาดว่าใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน ก.ย.65
สำหรับการคาดการณ์ราคาทองคำในเดือน ต.ค.65 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,614-1,752 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศ ความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 28,700-30,800 บาท/บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 37.00-38.67 บาท/ดอลลาร์
การลงทุนทองคำในเดือน ต.ค.65 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่า แนวโน้มราคาทองคำมีลักษณะแกว่งตัวและผันผวน สำหรับนักลงทุนที่ถือครองทองคำไว้ อาจขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำเริ่มปรับตัวสูงขึ้น หรืออาจคงสถานะไว้เพื่อประเมินสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำก่อนตัดสินใจ