นางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เตรียมกลับมาบินเส้นทางต่างประเทศมากขึ้นในไตรมาส 4/65 จะทำการบินไปสิงคโปร์, เนปาล และไทเป จากที่เปิดบินไปอินเดีย (มุมไบ) และอินโดนีเซีย (จาการ์ตา)
โดยคาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในไตรมาส 4/65 เส้นทาง สิงคโปร์ เนปาล และไทเป ในช่วงแรกจะมี 65-70% ส่วนเส้นทางอินโดนีเซีย ราว 75% และอินเดีย 60-65% ขณะที่เส้นทางในประเทศคาด Cabin Factor เฉลี่ย 70-75%
ทั้งนี้ เส้นทางกรุงเทพ-สิงคโปร์ ทำการบิน วันละ 1 เที่ยวบิน, เส้นทางกรุงเทพ-กาฐมาณฑุ (เนปาล) ทำการบิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และเส้นทางกรุงเทพ-ไทเป ทำการบิน 5 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และในต้นปี 66 ก็จะปรับความถี่เป็นเส้นทางกรุงเทพ-สิงคโปร์ ทำการบิน วันละ 2 เที่ยวบิน, เส้นทางกรุงเทพ-กาฐมาณฑุ (เนปาล) ทำการบินทุกวันวันละ 1 เที่ยวบิน และเส้นทางกรุงเทพ-ไทเป ทำการบินทุกวันวันละ 1 เที่ยวบิน
นางนันทพร กล่าวว่า ในไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมา ยังสามารถรักษา Cabin Factor ที่ 70% ได้แม้ว่าจะมีอุปสรรคน้ำท่วม แต่เป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้น ไม่ได้ดึง Cabin Factor ลงมาต่ำกว่า 50-60% โดยบริษัทให้สามารถเลื่อนตั๋วให้ผู้โดยสารได้
ส่วนเส้นทางบินไปญี่ปุ่น สายการบินไทยไลอ้อนแอร์จะยังไม่เปิดบินเร็วๆ นี้ เพราะจำนวนเครื่องบินยังไม่มากพอ โดยปัจจุบันมีฝูงบิน เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 และเครื่องบินโบอิ้ง 737-900ER รวม 11 ลำ และจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินในต้นปี 66 และคาดว่าจะใช้เวลา 2ปีที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินเป็น 30 ลำ เท่าก่อนโควิด โดยปัจจุบันมีอัตราการใช้เครื่องบินอยู่ที่ 9-10 ชม./วัน/ลำ
"เศรษฐกิจที่ชะลอ ภาวะเงินเฟ้อ มีส่วนทำให้ผู้โดยสารเดินทางจริง อาจจะทำให้มีผู้โดยสารน้อยกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งเรื่องค่าเงิน" นางนันทพร กล่าว
ทั้งนี้ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ คาดในไตรมาส 4/65 จะมีจำนวนผู้โดยสาร 1.2 ล้านคน โดยเส้นทางในประเทศบินครบทุกเส้นทาง แต่ความถี่ที่ทำการบินได้ 80% และจากเส้นทางต่างประเทศ 5 เส้นทาง ส่วนในปี 66 คาดว่าเส้นทางในประเทศ จะกลับมาทำการบิน 100% หรือเท่ากับก่อนเกิดโควิด และเส้นทางต่างประเทศก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยจะช่วยเพิ่มรายได้มากขึ้น และเน้นบริหารต้นทุน การทำตลาดที่เหมาะสมเพื่อลดการขาดทุน