นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี และเครือข่าย จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ในวันที่ 25-27 พ.ย. 65 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ภายใต้หัวข้อ "Connect the dots : Enhancing Thailand Competitiveness"
สำหรับวาระเร่งด่วนที่หอการค้าไทย ตั้งเป้าหมายร่วมกับภาครัฐ และเอกชน คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนให้เกิดการปรับตัว ด้วยการนำ Digital Transformation มาใช้ รวมถึงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดจนช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นทางออกในการฟื้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางวิกฤติซ้อนวิกฤติ จากนี้ไปจนถึงปี 66
อย่างไรก็ดี คาดว่าตลอดเวลาของการจัดงาน จะมีผู้นำองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนทั่วประเทศ เดินทางมาไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัด กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความคึกคัก และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ หากประเทศไทยสามารถยกระดับ Competitiveness ได้ จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้อีกมาก โดยเฉพาะภาคอสังหาทรัพย์ของไทย จะเป็นตัวดึงดูดนักลงทุน ตลอดจนกลุ่ม Talent ต่างๆ จากทั่วโลก มาทำงานและพักอาศัยระยะยาวในไทย ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อีกมหาศาล เป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกเหนือจากภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออกในปีหน้า
นายสนั่น กล่าวว่า การยกระดับ Competitiveness จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในพื้นที่ EEC และเชื่อมั่นว่าจากโมเดลความสำเร็จนี้ จะขยายไปยังระเบียงเศรษฐกิจแห่งใหม่ๆ ในทุกภาคให้เกิดขึ้นจริง ทั้งระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) ภาคอีสาน (NeEC) ภาคกลาง-ตะวันตก (CWEC) และภาคใต้ (SEC)
"ในปี 66 ถือเป็นปีที่สำคัญอีกปีหนึ่ง ซึ่งหอการค้าไทยจะครบรอบ 90 ปี และมีเป้าหมายสำคัญคือ การยกระดับ Competitiveness ของประเทศไทย โดยหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด และเครือข่ายทั่วประเทศ จะร่วมกันส่งเสริมความเข้มแข็งของ SME ไทยให้สามารถแข่งขันได้ โดยตั้งเป้าหมายระดมสมาชิกเพิ่มจาก 1 แสนราย เป็น 2 แสนราย ภายใน 3 ปีข้างหน้า (ภายในปี 68)" นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึง จ.อุบลราชธานี ยังมีน้ำท่วมสูง แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน ส่วนภาคกลางตอนล่าง สถานการณ์น้ำยังคงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายน้ำ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย ได้ยกระดับการประเมินตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วม จาก 5,000-10,000 ล้านบาท เป็น 22,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาคเกษตร 10,000 ล้านบาท และนอกจากภาคเกษตร 12,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ความเสียหายที่เกิดขึ้นดังกล่าว จะกระทบหนักในบางจังหวัดและบางพื้นที่เท่านั้น ซึ่งอาจจะกระทบในระยะสั้น โดยเฉพาะในด้านการขนส่งที่ลำบากขึ้น แต่จะไม่กระทบในระยะยาว จึงประเมินว่าจะกระทบต่อจีดีพีประเทศ ประมาณ 0.21%
ด้านนายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะจังหวัดเจ้าภาพร่วมจัดสัมมนา กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ จังหวัดได้ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนองค์กรภาคเอกชนทุกแห่ง โดยยืนยันว่าจังหวัดมีความพร้อมในการจัดงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความปลอดภัย และจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัด หลังจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่คลี่คลายลง
"อุบลราชธานี เคยได้รับโอกาสในการจัดงานสัมมนาฯ ครั้งที่ 16 ในปี 42 หรือกว่า 23 ปีที่แล้ว โดยได้สร้างตำนานหมูยอยักษ์ ซึ่งเป็นหมูยอขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ทุกคนรู้จักหมูยอเมืองอุบลฯ จนถึงทุกวันนี้" นายสมเพชร กล่าว
นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า หอการค้าทุกจังหวัดในภาคฯ ได้ระดมความเห็นและจัดลำดับความสำคัญในการปลุกเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดอุบลราชธานี ให้กลับมาเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 และน้ำท่วมคลี่คลายลง
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมนำเสนอต่อหอการค้าไทยในปลายนี้ ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ แนวทางการสร้างประโยชน์จากการเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว การขยายผลโมเดลการเลี้ยงโคไทยให้กลายเป็นโคเนื้อระดับพรีเมียม การส่งเสริมโครงการ "1 หอ 1 Happy Model" เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม BCG โครงการท่องเที่ยวเลียบริมโขง 7 จังหวัด ตั้งแต่ จ.เลยถึง จ.อุบลราชธานี เร่งรัดการก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 6 (นาตาล-ละคอนเพ็ง) และข้อเสนอจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำภาคอีสาน เป็นต้น
ด้าน นายมงคล จุลทัศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ในฐานะที่หอการค้าจังหวัดเจ้าภาพร่วมจัดสัมมนา ยืนยันการเตรียมความพร้อม และมองโอกาสของการจัดงานนี้ เป็นการเปิดประตูต้อนรับผู้เข้าร่วมงานสัมมนาฯ จากทั่วประเทศ ให้ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ที่มีความเจริญก้าวหน้า มีความร่วมสมัย แต่ยังคงมีกลิ่นอายของ จ.อุบลราชธานี ให้ได้สัมผัส
สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ รัฐมนตรีและผู้นำภาคเอกชน จะร่วมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อสำคัญๆ อาทิ ?Enhancing Economic Performance for Thailand Competitiveness : ฟื้นเศรษฐกิจไทย เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน? โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง, ?การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยยุค 5.0? โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE), ?Enhancing Business Efficiency : โลกเปลี่ยน เราปรับ? โดยน.ส.ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ Accenture ประเทศไทย และ ?Enhancing Trade Facilitation for Thailand Competitiveness : เปิดการค้าไทย มิติใหม่สู่สากล? โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ หลังจากการระดมสมองของนักธุรกิจทั่วประเทศ หอการค้าไทยจะจัดทำข้อเสนอแนะและแนวทางในการยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทย รวบรวมเป็นสมุดปกขาวเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป