ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 38.07 จับตา Flow หลังต่างชาติขายพันธบัตรต่อเนื่อง ให้กรอบ 38.00-38.20

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 19, 2022 09:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 38.07 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ เนื่องจากเมื่อคืนนี้สกุลเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวแบบผสมไร้ทิศทาง เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ โดยดอลลาร์แข็ง ค่าเมื่อเทียบกับเยน แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร ทั้งนี้ ตลาดยังคงย่อยข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ออกมาดีเกิน คาด ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ขณะเดียวกัน ตลาดพันธบัตรอังกฤษมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับ ลง ภาพใหญ่ตลาดยังรอปัจจัยชี้นำใหม่

"เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เช้านี้ยังอ่อนค่าสุดในรอบ 32 ปี ตลาดเฝ้าระวังว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซง เงินเยนอีกครั้ง ถ้าใกล้ 150 เยน/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 38.00 - 38.20 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันอาจ ผันผวน ช่วงนี้ต้องติดตามกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตร ที่นักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่องมาหลายวัน

THAI BAHT FIX 3M (18 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.44654% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.54065%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 149.16 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 149.04 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9856 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 0.9836 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 38.080 บาท/ดอลลาร์
  • ครม.ถกเยียวยาน้ำท่วม-กระตุ้นศก.ดันจีดีพีปีนี้โต 3.3% เล็งความเหมาะสม "คนละครึ่ง-ช้อปดีมีคืน-เที่ยวด้วยกัน" เฟส
ใหม่ จ่อเสนอมาตรการภายในเดือนพ.ย.
  • รัฐบาลเร่งเครื่องดึงลงทุน "สุพัฒนพงษ์" เผยต่างชาติสนลงทุนไทย ต่อเนื่อง ชี้จะมีข่าวดีบริษัทยักษ์เตรียมลงทุนในไทย
เพิ่ม เร่งมาตรการลงทุนแบตอีวี-สมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์ "อะเมซอน" ลงทุนเฉียด 2 แสนล้าน ดันดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ ให้
บริการคลาวด์ครบวงจร หนุนไทย ศูนย์กลางดิจิทัล "บีโอไอ" ชี้หนุนเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ทรานส์ฟอร์มดิจิทัล
  • ที่ประชุม ครม. กระทรวงการคลังได้หารือเกี่ยวกับข้อเสนอของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ที่
เสนอให้สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) เช่น ธุรกิจลีสซิ่ง เช่าซื้อ รวมไปถึงนาโนไฟแนนซ์ และพิโกไฟแนนซ์ เป็นต้น
จะต้องเข้าร่วมไปเป็นสมาชิก และส่งข้อมูลลูกค้า ประวัติการผ่อนชำระของผู้ใช้บริการสินเชื่อมาให้เครดิตบูโรได้รับทราบด้วยเพื่อเป็นการ
ขยายฐานข้อมูลในการตรวจสอบ ประเมินสินเชื่อร่วมกับธนาคารพาณิชย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประเมินสินเชื่อใน
ภาพรวม
  • จับตาสัญญาณการค้าระหว่างประเทศเริ่มชะลอ หลังปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ทั้งนำเข้า-ส่งออกเหลือเกินความต้องการ กดดัน
ค่าระวางเรือขนส่งระหว่างประเทศปรับลง 1.5-3 เท่าตัว สะท้อนโลกกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซ้ำเติมประชาชนไทย 1 ใน 3
ที่เป็นคนจน
  • ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐ (NIAID) และหัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเตือนชาวอเมริกันว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ BQ.1 และ BQ.1.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ BA.5 ถือ
เป็น 2 สายพันธุ์ของโควิด-19 ซึ่งมีความอันตราย
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (18 ต.
ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ทั้งในเดือนพ.ย.และธ.
ค.
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (18 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวล
เกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 4% ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ทั้งในเดือนพ.ย.และธ.ค.
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในวันนี้ โดย Beige Book เป็น
รายงานซึ่งจะมีการเปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อประเมิน
ภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ Beige Book ยังรวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้
นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค ทำให้ Beige Book สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง
  • นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เกือบ 100% ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม

กำหนดนโยบายการเงินในเดือนพ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ