ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 38.21 ระหว่างวันผันผวน ก่อนกลับมาแข็งค่าจากช่วงเช้า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 20, 2022 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 38.21 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 38.42 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 38.08 - 38.46 บาท/ดอลลาร์

ในระหว่างวันเงินบาทผันผวนมาก โดยช่วงเช้าเงินบาทอ่อนค่าแตะที่ 38.46 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุด ในรอบ 16 ปี เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) เมื่อคืนนี้ปรับ ตัวสูงขึ้นแรง ส่วนการย่อกลับแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าประเทศจีน อาจพิจารณาลดวันกักตัวสำหรับผู้เดินทาง ทำให้ ตลาดมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว

"สกุลเงินภูมิภาคค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกับบาท แต่เงินบาทวันนี้ผันผวนสูงกว่า โดยเคลื่อนไหวเกือบ 40 สตางค์ ขณะที่ วันนี้นักลงทุนต่างชาติยังขายพันธบัตรไทยสุทธิประมาณ 4,000 ล้านบาท" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 38.10 - 38.30 บาท/ดอลลาร์ โดยช่วงนี้เงิน บาทแกว่งตัวค่อนข้างกว้าง เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูง เป็นไปตาม Flow และกระแสข่าวที่เข้ามา เช่น เรื่องเกี่ยวกับประเทศจีน ของไทยจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับภาคท่องเที่ยว

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย. ของ สหรัฐฯ

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 149.81 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 149.90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 0.9783 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 0.9760 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,592.73 จุด เพิ่มขึ้น 4.01 จุด (+0.25%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 66,429 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,520.26 ลบ. (SET+MAI)
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ย. 65 อยู่ที่ 100,389
คัน หรือสูงสุดในรอบ 9 เดือน หลังจากสถานการณ์ขาดแคลนชิปคลี่คลาย มีการส่งมอบให้มากขึ้น โดยขยายตัว 35.97% จากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 91,067.74 ล้านบาท จาก 66,095.86 ล้านบาท ในเดือนก.ย. 64
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว
(LPG) โดยให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่
ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 65
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้วิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ และถือว่าเป็นธุรกิจดาวเด่นที่
น่าจับตามองปลายปี 2565 จำนวน 10 ธุรกิจ โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,018,062 ล้านบาท สอดรับการเปิดประเทศ-สุขภาพ-รูปแบบ
ชีวิตวิถีใหม่ และคาดว่า ปี 2566 ธุรกิจดังกล่าวก็ยังคงมีความโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ 12 เขต หรือ Beige Book ระบุว่า กิจกรรมทาง
เศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้กิจกรรมในบางเขตทรงตัว และบางเขตชะลอตัวลง นอกจากนี้
รายงานยังสะท้อนให้เห็นว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นแบบฉุกเฉินในวันนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น
ประเภท 10 ปี พุ่งขึ้น 0.005% แตะที่ระดับ 0.255% ซึ่งสูงกว่าเพดานที่ BOJ กำหนดไว้ที่ 0.25%

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในเดือนนี้ ที่ BOJ เข้าซื้อพันธบัตรแบบฉุกเฉิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฉุดอัตราผลตอบแทนให้กลับคืนสู่เป้า หมาย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกยังคงปรับตัวขึ้น เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด

  • สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงทะลุระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนตื่นตัวในระดับสูง เนื่องจากคาดการณ์ว่า ทางการ
จะยื่นมือเข้าแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินเยน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินเยนร่วงลงมากถึง 0.2% แตะ 150.08 เยนต่อดอลลาร์
ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 32 ปีครั้งใหม่ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ
หลายปี ซึ่งทำให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและญี่ปุ่นขยายกว้างขึ้น
  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 2.09 ล้านล้านเยน (1.394 หมื่นล้านดอลลาร์) ใน
เดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงิน
เยน
  • ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย
LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.30% ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยการคงอัตราดอกเบี้ย LPR สะท้อนให้เห็น
ว่า ทางการจีนไม่ต้องการใช้นโยบายกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินนโยบายที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับประเทศขนาด
ใหญ่รายอื่นๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ