โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป, ฮอนด้า มอเตอร์ โค และนิสสัน มอเตอร์ โค บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งสามแห่งในเอเชียเปิดเผยถึงยอดขายรถยนต์ในสหรัฐเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวลดลง อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ตลาดสินเชื่อที่ตึงตัว ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นตัวฉุดรั้งให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อรถยนต์ลดลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โตโยต้ามียอดขายทรุดตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับ 10.3% ขณะที่ฮอนด้ามียอดขายลดลง 3.2% และนิสสันร่วงลง 3.8% ทั้งนี้ จากการที่บริษัทรถยนต์สัญชาติสหรัฐมียอดขายร่วงลงอย่างหนักได้ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.6% แตะที่ 44.5%
ยอดขายรถยนต์เอเชียในเดือนมี.ค.ที่ลดลงนั้นเป็นผลจากสถานการณ์ในตลาดยานยนต์สหรัฐย่ำแย่ลง ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยของสหรัฐเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 3.24 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงหนักสุดในรอบ 16 ปี
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้โตโยต้า บริษัทรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอาจปรับลดคาดการณ์ยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ตลอดทั้งปีนี้ และคาดว่ายอดขายรถยนต์ในสหรัฐจะกระเตื้องขึ้นอย่างน้อย 1%
บ็อบ คาร์เตอร์ ผู้จัดการทั่วไปของโตโยต้ากล่าวว่า "ยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจไม่ขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งอย่างที่คาดการณ์ไว้"
นอกจากยอดขายของบริษัทรถยนต์ในเอเชียจะปรับตัวลดลงแล้ว ยอดขายของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในสหรัฐอย่างเจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปยังลดลง 19% ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ โคดิ่งลง 14% และไครสเลอร์ แอลแอลซีทรุดลง 19%
ทั้งนี้ โตโยต้ามีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะที่ 16.1% จากระดับ 15.7% ในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ฮอนด้ามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10.2% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อนหน้านี้ ส่วนนิสสันมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 7.9 จากระดับ 7.2%ในปีที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--