บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (24-28 ต.ค.65) ว่า มีแนวรับอยู่ที่ 1,585 และ 1,575 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,610 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของ บจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ต.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ย. ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB และ BOJ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ก.ย.ของจีน เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน หลังเผชิญแรงกดดันติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน โดยมีแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐในช่วงปลายปีประกอบกับมีแรงซื้อหุ้นบางกลุ่ม โดยเฉพาะแบงก์ พลังงาน และวัสดุก่อสร้าง ก่อนการประกาศงบไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ดีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบในเวลาต่อมาก่อนจะลดช่วงบวกลงเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคท่ามกลางความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกที่อาจได้รับผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายๆ ประเทศอย่างต่อเนื่อง
ในวันศุกร์ (21 ต.ค.65) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,591.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.96% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 59,282.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.38% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.21% มาปิดที่ระดับ 645.27 จุด