นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมเอเปคในช่วงปลายปีนี้ ประกอบด้วย รัฐมนตรีเศรษฐกิจ รัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีการค้า แล้วแต่ละประเทศจะส่งมา ซึ่งมีความรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจจาก 21 เขตเศรษฐกิจ โดยมีมีข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับประเทศอย่างน้อย 2 ประการ คือ
1.เราจะช่วยกันขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจเอเปค 21 เขตให้พัฒนาต่อยอดเป็นเขตการค้าเสรีเอเปค (FTAAP) ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ถ้าสำเร็จ FTAAP จะเป็น FTAที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีประชากรมากที่สุดในโลก มีจีดีพีรวมกันมากที่สุดในโลกใหญ่กว่า RCEP ทุกประเทศจะได้ประโยชน์ รวมทั้งเขตเศรษฐกิจอื่นและไทยด้วย
2.เรามีเป้าหมายให้เอเปครับ BCG Model เป็นโมเดลขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งผ่านที่ประชุมที่ตนเป็นประธานแล้ว สำหรับการประชุมปลายไปปีนี้หวังว่า BCG Model จะเป็นที่ยอมรับและได้รับการรับรองอีกครั้งหนึ่งในการประชุมระดับผู้นำ และการทำให้ผลสัมฤทธิ์ในการประชุมมีผลขับเคลื่อนองค์การการค้าโลก (WTO) ให้ดำรงกฎกติกาทางการค้าที่เป็นธรรมกับทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาให้เดินหน้าด้วยกันได้
สำหรับการประชุมปลายปีในระดับผู้นำและรัฐมนตรีเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายนนี้จะพยายามผลักดันให้ที่ประชุมให้ความสำคัญกับองค์กรทางธุรกิจทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับนานาชาติหรือลงลึกในระดับ SMEs และ MSMEs โดยใช้แนวหลักที่สำคัญของประเทศไทยคือ "Open. Connect. Balance"
"Open คือการเปิดกว้างให้ทำการค้าการลงทุนระหว่างกันโดยสะดวก Connect สามารถเชื่อมโยงโลกการค้าการลงทุนเสมือนไร้พรมแดนและ Balance ให้เกิดความสมดุลทั้งเศรษฐกิจคนตัวใหญ่และคนตัวเล็ก ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา" นายจุรินทร์ กล่าว