นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนกู้เงินที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1.การกู้เงิน 30,000 ล้านบาท เป็นการกู้เงินครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ดำเนินการตั้งแต่ธ.ค.-ก.พ. 66 และ 2.การกู้เงิน 1.2 แสนล้านบาท เป็นการทยอยกู้เงินครั้งที่ 3 ถึงครั้งที่ 8 ดำเนินการตั้งแต่ก.พ.-ก.ค. 66
"ไม่ใช่เป็นการกู้ใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เคยอนุมัติไปแล้ว ซึ่งวันนี้เป็นการอนุมัติรายละเอียดของแผนการเงินกู้ว่าจะเป็นอย่างไร" นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ณ วันที่ 16 ต.ค. 65 มีสถานะติดลบ 125,690 ล้านบาท แต่เหตุการณ์ในปัจจุบันยังมีวิกฤตด้านน้ำมันเชื้อเพลิง จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังยืดเยื้อและส่งผลกระทบที่อาจจะรุนแรงขึ้นได้ ตั้งแต่ พ.ย.-ก.พ.66 ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว จึงอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง และมีความผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ขณะที่ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 และยังมีปัญหาอุทกภัยในปัจจุบัน
"กองทุนที่เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องรักษาเสถียรภาพ และระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน" นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา กล่าวว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน มีรายจ่ายสูงกว่ารายรับ ซึ่งข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 มีรายจ่ายสุทธิประมาณ 222 ล้านบาทต่อวัน คิดเป็นรายเดือนประมาณ 6,882 ล้านบาท