สภาคองเกรสสหรัฐเตรียมซักฟอก"เบอร์นันเก้"กรณีอนุมัติเงินซื้อแบร์ สเติร์นส์

          นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อวุฒิสภาและสภาคองเกรสของสหรัฐในวันนี้และวันพรุ่งนี้นั้น จะถูกกดดันให้ตอบคำถามกรณีที่เฟดจัดหาเงินให้กับเจพีมอร์แกน เพื่อซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส์ 
          ก่อนหน้านี้ วุฒิสมาชิกหลายคนของสหรัฐเคยยกย่องเฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐที่ใช้มาตรการกอบกู้ไม่ให้ตลาดการเงินภายในประเทศต้องล่มสลายลง แต่ขณะนี้วุฒิสมาชิกเริ่มตั้งคำถามว่าเฟดมีแรงจูงใจอะไรที่ลุกขึ้นกอบกู้วิกฤตการณ์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท ในขณะที่ชาวอเมริกันหลายแสนคนต้องสูญเสียบ้านเพราะถูกธนาคารยึด
          วุฒิสมาชิกชาร์ลส์ กราสลีย์ จากรัฐไอโอวา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภากล่าวให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า "เราต้องการรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ถ้าเฟดมีแผนที่จะอุ้มสถาบันการเงินรายอื่นๆต่อจากแบร์ สเติร์นส์ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ชาวอเมริกันทุกคนอยากมีโอกาสดีๆเมื่อรัฐบาลใช้มาตรการช่วยเหลือ แต่การที่เฟดยื่นมือเข้าพยุงแบร์ สเติร์นส์ ถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ธรรมดา"
          เบอร์นันเก้ วัย 54 ปี จะแถลงเกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจและชี้แจงบทบาทของเฟดที่จัดหาเงินกู้ให้กับเจพีมอร์แกนเพื่อเข้าซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส์ ต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจแห่งสภาคองเกรสในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) และจะแถลงต่อวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้
          สำหรับวิกฤตการณ์ของแบร์ สเติร์นส์ตั้งแต่ต้นปี 2551 ก่อนที่จะขายกิจการให้เจพีมอร์แกนนั้น เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีข่าวลือแพร่สะพัดในตลาดวอลล์สตรีทว่า แบร์ สเติร์นส์ อาจมีเงินสดไม่มากพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่แบร์ สเติร์นส์ออกมาสยบข่าวลือดังกล่าว โดยระบุว่า "ข่าวเรื่องปัญหาสภาพคล่องในแบร์ สเติร์นส์ ไม่มีมูลความจริง"
          ต่อมาวันที่ 12 มี.ค. นายอลัน ชวาร์ทซ์ ซีอีโอของแบร์ สเติร์นส์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า แบร์ สเติร์นส์มีสภาพคล่องเพียงพอ และมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรกของปีนี้
          แต่จากนั้นวันที่ 14 มี.ค. แบร์ สเติร์นส์ ออกมายอมรับว่า บริษัทขอรับวงเงินกู้ฉุกเฉินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เนื่องจากขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
          ในที่สุดเมื่อวันจันทร์ที่ 17 มี.ค. แบร์ สเติร์นส์ ตัดสินใจขายกิจการทั้งหมดให้เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค  ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วตลาดวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลก