นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปี ที่รับตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.63 แม้ อคส.ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ทั้งทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท รวมถึงวิกฤติโควิด-19 แต่ อคส.มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านการหารายได้ เป็นผลมาจากการปรับปรุงคลังสินค้าธนบุรีใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณเก็บสินค้า มีการขุดลอกท่าเทียบเรือ ให้เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาเทียบท่าเพื่อขนส่งสินค้าได้สะดวกขึ้น
"การปรับปรุงคลังสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้ อคส. มีรายได้จากค่าเช่าคลังสินค้าในปี 65 อยู่ที่ 72.3 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 30 ปี หากรวมรายได้จากโครงการอื่นๆ มีกำไรขั้นต้นปี 65 ถึง 81.5 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 20 ปี แม้ภาพรวมยังขาดทุน 120 ล้านบาท แต่มั่นใจว่าภายในปี 67 จะพลิกมีกำไรได้ หลังจากมีแผนการสร้างรายได้ที่ชัดเจน" นายเกรียงศักดิ์ ระบุ
สำหรับแผนการหารายได้ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มีทั้งปรับปรุงคลังสินค้า เพิ่มสาขาคลังสินค้าในต่างจังหวัดนำร่อง 6 แห่งเพื่อให้บริการเก็บสินค้าเกษตร ทั้งที่ระยอง ลพบุรี มหาสารคาม สุรินทร์ กระบี่ และนราธิวาส รวมถึงในต่างประเทศ 2 แห่ง นำร่องที่ทวาย ประเทศเมียนมา และหนานซา ประเทศจีน, ลงทุนทำเครื่องคัดแยกชนิดปลาโดยใช้ AI สายพานลำเลียงปลาทูน่า และผลิตสารสกัดจากกระท่อม, ทำ Pallet จากกากมะพร้าว
ขณะเดียวกัน ยังร่วมมือกับเกษตรกรนำสินค้าเกษตร และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์มาจัดจำหน่าย เพิ่มช่องทางจำหน่าย และรายได้ให้เกษตรกร และโครงการ "ผ่านตั๋ว" ที่ อคส. จะเปิดให้ผู้ประกอบการค้านำแบงก์การันตีมาวางไว้กับอคส. แล้วเอาเงินสดไปทำการค้า โดยที่ อคส.คิดดอกเบี้ย 6% ซึ่งจะสร้างสภาพคล่องและกำไรให้กับ อคส.ได้มาก โดยที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะนี้เตรียมวงเงินไว้แล้ว 1,000 ล้านบาท คาดจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
ส่วนงานสะสางนั้น ได้ระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลหมดแล้ว และได้ฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำการทุจริตแล้ว 1,179 คดี มูลค่าความเสียหาย 503,590 ล้านบาท ระบายมันสำปะหลังหมด และฟ้องดำเนินคดี 166 คดี ความเสียหาย 20,065 ล้านบาท ส่วนข้าวโพด ระบายหมดเช่นกัน และฟ้องร้องดำเนินคดี 4 คดี ความเสียหาย 1,072 ล้านบาท
ขณะที่โครงการทุจริตถุงมือยาง ได้อายัดเงิน 2,000 ล้านบาทภายใน 50 วัน และมีการดำเนินการต่อ โดยไล่ออกผู้กระทำความผิด ล่าสุดอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นอกจากนี้ อคส. มีคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) โดย ป.ป.ช. ผ่านเกณฑ์เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่มีการประเมินมา โดยได้คะแนนในระดับ "สูงมาก" ที่ 93.59% และ 94.69% ในปีงบประมาณ 64 และปี 65 ตามลำดับ