นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่มีความผันผวนในขณะนี้ว่า ธปท. ไม่อยากเห็นค่าเงินที่มีความผันผวนสูงเกินไป โดยที่ผ่านมาบางจังหวะที่ค่าเงินบาทมีความเคลื่อนไหวตึงตัวเป็นพิเศษ ธปท. ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปดูแล
"ในหลักการ ไม่ควรไปประกันกับทุกคน เพราะหากอัตราแลกเปลี่ยนไม่เคลื่อนไหวเลย ก็จะเห็นจากบทเรียนปี 2540 ที่ฝืนกลไกตลาด แม้จะลดความผันผวนให้กับผู้ประกอบการได้ แต่ก็จะสะสม และสร้างความเปราะบางของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้นการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน จึงควรเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด" ผู้ว่าการ ธปท. ระบุ
ทั้งนี้ การดูแลเรื่องค่าเงินมีข้อจำกัดที่นอกเหนือการควบคุม โดยช่วงที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากปัจจัยโลก เช่น ข่าวจากจีน รวมถึงดุลการค้าของไทยที่ดีกว่าคาดการณ์ โดยที่ผ่านมาค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาพ และภาพรวมการเคลื่อนย้ายเงินทุนยังไม่เห็นสัญญาณผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม การทำประกันความเสี่ยงค่าเงินสำหรับผู้ประกอบการยังไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ ธปท. อยากเห็น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่ง ธปท. ก็พยายามผลักดัน ส่วนหนึ่งต้องเข้าใจว่าบางเรื่องเกี่ยวกับความคุ้นเคย แต่บางเรื่องก็เกี่ยวกับต้นทุนที่สูง
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวมากกว่าที่คาด โดยอัตราเงินเฟ้อโลกไม่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทย มองว่าภาคการส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบ โดยปีนี้คาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 8% ขณะที่ปี 66 จะขยายตัวได้ประมาณ 1% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เปลี่ยนไปจากคาดการณ์ แม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวก็ตาม เพราะหากการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ ก็จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยปีนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.3% และปี 66 ที่ 3.8% และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทย 9 ล้านคน ส่วนปีหน้า 20 ล้านคน