พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Thailand-China Investment Forum ว่า การจัดงานครั้งนี้จะเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งเป็นการริเริ่มที่ดีของภาคเอกชนไทย และถือเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน รวมทั้งเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และมีโอกาสยกระดับความร่วมมือและรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีก และเป็นการต่อยอดไปสู่ความร่วมมือเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดไป
ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศผ่านนโยบายการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของตัวเลขลงทุนจากต่างประเทศในปีนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนที่มีความแน่นแฟ้นมีพลวัตทุกระดับ จีนถือเป็นคู่ค้าและคู่มิตรที่สำคัญของไทย และในปี 2565 นี้เป็นการครบรอบหนึ่งทศวรรษของความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างกัน รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนสู่ทศวรรษหน้าในทุกมิติอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังคำกล่าวที่ว่า "จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน"
นอกจากนี้ ไทยได้สนับสนุนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาลจีน ตามแผนริเริ่มการพัฒนาโลก (Global Development Initiative: GDI) ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทยที่มุ่งเน้นความเจริญรุ่งเรือง โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นำไปสู่การเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุมในทุกมิติ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งยกระดับความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ เชื่อมโยงกับภูมิภาคและโลก รวมถึงการพัฒนา EEC เชื่อมโยงกับข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน การปรับปรุงร่างข้อเสนอยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) เพื่อดึงดูดกิจการใหม่ๆ ที่มีศักยภาพมาลงทุนในไทย
ประเทศไทย ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาค รัฐบาลพร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดยุทธศาสตร์การคมนาคมไร้รอยต่อ สอดคล้องกับการยกระดับการพัฒนา EEC เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ของจีน แสดงให้เห็นความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากจีน ในสาขาที่จีนมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และดิจิทัล เป็นต้น
ในช่วง 9 เดือนแรกปี 65 (ม.ค.-ก.ย.) การส่งเสริมการลงทุนจากจีน มีเงินลงทุนกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของไทย โดยมีโครงการรถไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติแล้ว 26 โครงการ จาก 17 บริษัท กำลังการผลิตกว่า 8 แสนคัน และมียอดสะสมการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าสะสม 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.65) มีจำนวน 10,000 คัน เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตลาด EV อย่างแท้จริง
การเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของการลงทุนระหว่างไทยกับจีน นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงโครงการรถไฟจีน-ลาว กับระบบรางของไทยจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว ทำให้เกิดประโยชน์นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาค
นอกจากนี้ ไทยและจีนยังมีความร่วมมืออื่นๆ ทั้งในกรอบทวิภาคี กรอบอนุภูมิภาค อย่างแม่โขง-ล้านช้าง ACMECS GMS และระดับภูมิภาค อย่างอาเซียน-จีน การขยายความร่วมมือภายใต้ BRICS Plus ที่จีนริเริ่ม รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีนเป็นอย่างดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมกลางเดือนนี้ด้วยตนเอง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความเป็นหุ้นส่วนที่แนบแน่นของทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต ที่มีเสถียรภาพ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่มั่งคงและยั่งยืน ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ควบคู่ไปกับการรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของโลก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่ร่วมกันจัดงานในวันนี้ขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจในอนาคต และอวยพรให้งานในวันนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์
สำหรับงาน Thailand-China Investment Forum จัดขึ้นปีนี้เป็นครั้งแรก เป็นเวทีเพื่อสนับสนุนความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีน โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทย รวมถึงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจของภาคเอกชน และเป็นแนวทางให้รัฐบาลดำเนินนโยบายที่เอื้ออำนวยและส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติในไทย