นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ? 4 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา กนอ.ประชุมเชิงปฏิบัติการ"การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ร่วมกับ บริษัท Korea Land and Housing Corporation หรือ LH " ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยเป็นการต่อยอดการดำเนินงานร่วมกัน ภายหลังจากที่ กนอ.และ LH ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน โดย กนอ.ได้นำเสนอพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และพื้นที่ศักยภาพอื่นๆ ที่เห็นชอบร่วมกัน ในการพัฒนาให้เป็นเมืองอัจฉริยะ และนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
"การเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลีในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีโอกาสเข้าพบนายลีจองกวัน รองประธาน บริษัท Korea Land and Housing Corporation หรือ LH ณ สำนักงานใหญ่เมืองชินจู (Jinju) เพื่อหารือความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะในประเทศไทย ซึ่งนายลีจองกวัน ได้ขอบคุณ กนอ.ที่เสนอพื้นที่ใหม่ๆ มาให้ และ LH มีความสนใจในโครงการนี้อย่างมาก โดยจะนำไปศึกษาและวิจัย เพราะเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศได้อย่างมาก ทั้งนี้ หากผลการศึกษาออกมาดี LH ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับ กนอ.อย่างเต็มที่อีกด้วย รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลกนั้นอาจส่งผลต่อการลงทุนบ้าง แต่ LH ยังเชื่อว่า ด้วยความร่วมมือกันของทั้ง 2 ประเทศ จะฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันได้ และยังคาดหวังด้วยว่า จากนี้จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี" นายวีริศ กล่าว
ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวด้วยว่า นายลีจองกวัน ยังสอบถามถึงข้อดี รวมถึงจุดแข็งของประเทศไทยที่เหมาะสมต่อการลงทุน ซึ่งได้อธิบายไปว่า ประเทศไทยอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี หากเป็นสถานการณ์ปกติ ประเทศไทยมักถูกจัดให้อยู่ในอันดับประเทศต้นๆ ที่น่าลงทุนเสมอ รวมทั้งได้ตอกย้ำความมั่นใจให้กับทาง LH ถึงมาตรฐานการดำเนินงานของ กนอ.ที่มีประสบการณ์ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมมากกว่า 50 ปี ขณะเดียวกัน กนอ.ยังมีความมั่นคงในทุกด้าน และมีระบบ One Stop Service ซึ่งจะทำให้การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทางถนน เรือ และรถไฟรางคู่ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี (EEC) ที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ เชื่อมโยงกันทั้งภายในประเทศ ภูมิภาค และประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการขนส่งในอนาคตต่ำลงด้วย
"กนอ.ยืนยันมาตลอดว่า การทำธุรกิจร่วมกับนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศนั้น กนอ.มีความจริงใจ และเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นไปในรูปแบบของ "Life long Partnership" หรือการเป็นพันธมิตรระยะยาว ทำให้นักลงทุนต่อยอดและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ กนอ.ได้เข้าพบนักลงทุนรายใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ 2 ราย เพื่อชักชวนให้มาลงทุนในประเทศไทย เพื่อแสดงให้เห็นว่า กนอ.ไม่ใช่แค่รอเฉยๆ ให้นักลงทุนเหล่านี้เข้ามาตั้งนิคมฯ ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียวตามที่ได้มีการพูดคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่เรายังบุกไปชวนนักลงทุนรายใหญ่ถึงประเทศเกาหลีใต้ด้วย เพื่อแสดงให้เขาเห็นถึงความจริงใจ และความน่าเชื่อถือของ กนอ. เพื่อตัดสินใจมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม" นายวีริศ กล่าวปิดท้าย