นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งแนวโน้มในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนมีสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะไม่ต่ออายุมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan to Value : LTV) และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นช่วงขาขึ้น จะเป็นปัจจัยเร่งให้ประชาชนมีการขอสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้คาดว่าภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในปี 2565 ของ ธอส. จะทำได้ 3 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 2.7-2.8 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน จากมาตรการต่าง ๆ ที่ธนาคารได้เร่งออกมาช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องนั้น และลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับตัวได้ดีขึ้น ทำให้แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในเดือนที่ผ่านมาหนี้เสียปรับลดลงไปถึง 1.7 พันล้านบาท จากปัจจุบัน ธอส. มีหนี้เสียทั้งสิ้น 4.4% หรือคิดเป็น 6.5 หมื่นล้านบาท โดยจากมาตรการและแนวทางในการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น น่าจะช่วยให้ภาพรวมหนี้เสียของธนาคารในช่วงที่เหลือของปีนี้ลดลงอย่างน้อยเดือนละ 2 พันล้านบาท ส่งผลให้สิ้นปี 2565 คาดว่าหนี้เสียของ ธอส. จะอยู่ที่ระดับ 5.8-5.9 หมื่นล้านบาท
"ปีนี้ ธอส. มีการบริหารจัดการอย่างดี ทั้งภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่า 2 เดือนสุดท้าย จากปัจจัยเร่งดังกล่าว การปล่อยสินเชื่อจะเพิ่มเดือนละ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้เสียก็มีมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่และต่อเนื่อง ขณะเดียวกันลูกค้าส่วนใหญ่ที่ออกจากมาตรการช่วยเหลือไป ก็เริ่มมีการปรับตัวและตั้งหลักได้ ตรงนี้ก็เป็นส่วนใหญ่แนวโน้มหนี้เสียของธนาคารปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ" นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น ธอส. ได้พิจารณาและดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลัง โดยยังคงยืนยันตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปจนถึงสิ้นปี จึงอยากขอให้ลูกค้าของธนาคารสบายใจได้ ซึ่งปัจจุบันธนาคารได้แบกรับภาระต้นทุนจากการประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยแล้วประมาณ 1.9 พันล้านบาท โดยหลังจากนี้คงต้องติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน พ.ย. นี้ว่าจะมีมติเป็นอย่างไร แต่มองว่าแม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง บริบทของตลาดก็ไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะที่ผ่านมาตลาดมีการรับรู้และปรับตัวไปหมดแล้ว
นายฉัตรชัย กล่าวอีกวว่า ขณะนี้ธนาคารได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาโครงการบ้านล้านหลัง เฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างรอเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะสามารถเดินหน้าปล่อยสินเชื่อได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2566 ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 5 ปี วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท