นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า การจัดประชุม "Thai-Saudi Investment Forum" ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และคณะกรรมการ กกร.ในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีกระชับความสัมพันธ์ ทางการทูต สร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับซาอุดิอาระเบีย
สำหรับ Vision 2030 ของซาอุดิอาระเบีย มีแผนยกระดับสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาดของประเทศ ภายใต้แผน Saudi Green Initiative โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน และของประเทศสู่อนาคตที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยภายใต้ BCG โมเดล Bio-Circular และ Green-Economy ซึ่ง 2 ประเทศมีโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนแนวทางและความร่วมมือระหว่างกันได้มากยิ่งขึ้น
นายสนั่น กล่าวว่า ในฐานะภาคเอกชนไทย มีความยินดีอย่างยิ่งที่ทั้ง 2 ประเทศ ได้ดำเนินการตามแผนยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา นับแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบีย ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี แห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งนำมาสู่การลงนามบันทึกความตกลง (MOU) ระหว่างภาครัฐและเอกชนของ 2 ประเทศ รวม 27 ฉบับ โดยมีความคืบหน้าด้านต่างๆ ดังนี้
1. ด้านการค้า ซาอุดิอาระเบียสนใจที่จะร่วมลงทุนในภาคบริการและสุขภาพของไทย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมด้านทรัพยากรบุคคล แพทย์ พยาบาล ผู้ให้บริการ และระดับผู้บริหาร ซึ่งไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพสูง
2. ด้านธุรกิจเทคโนโลยี มีการหารือถึงความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับ Telemedicine, Game , IOT Platform, AI โดยซาอุดิอาระเบียมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี 5G และพร้อมเชื่อมโยงศักยภาพด้านดังกล่าวร่วมกับภาคธุรกิจไทย
3. ด้านการเกษตรและอาหาร คณะผู้แทนจากซาอุดิอาระเบียให้ความสนใจกับตลาดของอาหารฮาลาลแช่แข็ง และอาหารกระป๋องของไทย รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง และผลไม้ที่ไทยมีชื่อเสียงระดับโลก
4. ด้านการลงทุน ซาอุดิอาระเบียกำลังพิจารณาให้ไทยเป็นอีกสถานที่เก็บน้ำมันดิบในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ซึ่งไทยยินดีที่จะร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคความมั่นคงด้านพลังงานร่วมกับซาอุดิอาระเบีย นอกจากนี้ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) มีการเข้าไปลงทุนโดยเปิดสาขาแรกของ Amazon Café ในเมืองริยาด เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 150 สาขาภายใน 10 ปี
5. ภาคธุรกิจวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้าง ซาอุดิอาระเบียประกาศแผนการพัฒนาเมืองใหม่แห่งอนาคต ภายใต้ชื่อ "เดอะไลน์" มีความยาว 170 กิโลเมตร ถือส่วนหนึ่งของ Saudi Vision 2030 ซึ่งต้องการดึงดูดนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากทั่วโลก โดยกลุ่มสยามพิวรรธน์ ที่ได้รางวัลระดับโลกในการพัฒนาศูนย์การค้า อาทิ สยามพารากอน และไอคอนสยาม มีความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนในเมกะโปรเจคดังกล่าว
6. ด้านความมั่นคงด้านอาหาร ซาอุดีอาระเบียกำลังลงทุนใน Smart Farming และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสของไทย ที่จะมีโอกาสยกระดับและขยายตลาดภาคเกษตรของไทย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล
7. ภาคการท่องเที่ยว ทั้ง 2 ประเทศต่างเห็นโอกาสที่จะยกระดับด้านการท่องเที่ยวและบริการร่วมกันให้มากขึ้น โดยประเทศไทยมีพื้นที่และความพร้อม ทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ที่สามารถร่วมมือกับซาอุดิอาระเบียได้ในอนาคต
นายสนั่น กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าเพียงไม่กี่เดือน ภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศ ได้เริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนแผนความร่วมมือ โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุนระหว่างกันได้ชัดเจน หลายบริษัทมีการ MOU และขยายการลงทุนร่วมกันแล้ว
สำหรับวันนี้ มีเอกชนทั้ง 2 ประเทศได้มาเจรจาธุรกิจกัน โดยเป็นฝ่ายไทย 150 บริษัท และทางซาอุดิอาระเบีย ประมาณ 60 บริษัท เป็นกลุ่ม Tourism & Hotel , Medical & Wellness, Manufacturing, Construction, Finance & Capital Market Digital Asset & Finance, Energy, Retail และ Food ซึ่งการขับเคลื่อนการค้าการลงทุนร่วมกัน ก็ต้องอาศัยภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศร่วมกัน
"ในนามของ กกร. นับจากนี้คงต้องติดตาม และเชื่อมโยงกับภาคเอกชนของซาอุดิอาระเบียมากยิ่งขึ้น ถือเป็นการพลิกฟื้นประวัติศาสตร์ ที่ทั้งสองประเทศจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันต่อไป" นายสนั่น กล่าว