นายโรเบิร์ต โซลิค ประธานธนาคารโลกแนะนำรัฐบาลของประเทศต่างๆทั่วโลกให้รับมือกับสถานการณ์ราคาอาหารที่พุ่งขึ้นจนเป็นเหตุให้เกิดการจลาจลในบางประเทศ โดยกล่าวว่ารัฐบาลจะต้องประกาศใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลนอาหาร
นายโซลิคกล่าวในที่ประชุมหัวข้อ "New Deal for Global Food Policy" ว่า โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณด้านอาหารอีกอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์เพื่อรับมือกับความต้องการเร่งด่วน พร้อมกับเรียกร้องสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโร ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ให้ร่วมมือกันในเรื่องนี้ มิฉะนั้นจะมีประชาชนที่ลำบากและอดอยากมากขึ้น
"รัฐบาลทั่วโลกควรใช้กลไกใหม่ๆที่ไม่มุ่งเน้นเฉพาะการลดจำนวนผู้หิวโหยและการเข้าถึงแหล่งอาหาร แต่ควรคำนึ่งถึงประเด็นผลผลิตและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย สถานการณ์ทั่วโลกในขณะนี้น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดการเงินตกต่ำลง แต่ราคาอาหารกลับพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาข้าวและข้าวสาลีที่พุ่งขึ้นรุนแรงถึง 80%" นายโซลิคกล่าว
"แม้ราคาข้าวที่สูงขึ้นจะเป็นข่าวดีสำหรับเกษตร แต่กลับสร้างความเสียหายต่อกลุ่มประเทศยากจน เด็กๆที่มีอายุเพียง 4-5 ขวบต้องถูกบังคับให้ออกไปหาอาหารเพื่อเลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ การขาดแคลนอาหารยังทำให้เกิดการจลาจลเพื่อแย่งชิงอาหาร ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกำลังคุกคามเสถียรภาพในชุมชน" ประธานธนาคารโลกกล่าว
ทั้งนี้ นายโซลิคกล่าวว่า ธนาคารโลกซึ่งเป็นองค์กรหลักที่พยายามต่อสู้กับความยากจน ประเมินว่า กว่า 33 ประเทศทั่วโลกที่เผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองและการจลาจลในชุมชนนั้น มีสาเหตุมาจากราคาอาหารและพลังงานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
"ทุกประเทศจะต้องยุติความรุนแรงในพื้นที่ตะเข็บชายแดนเพื่อกระตุ้นให้การซื้ขายข้าวแข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มผลผลิตข้าวภายในประเทศ" ประธานธนาคารโลกกล่าว สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--