พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน ค.ศ. 2022 (ASEAN Business and Investment Summit (ABIS) 2022) หัวข้อ "อาเซียนที่มีความพร้อมด้านดิจิทัล (Digital-Ready ASEAN)" ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียนอีกครั้งในปีนี้ หัวข้อ "อาเซียนที่มีความพร้อมด้านดิจิทัล" เป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยและอาเซียนให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในยุคหลังโควิด-19 ในภาคธุรกิจ เพื่อให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีความพร้อมด้านดิจิทัลในทุกมิติ สามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเสนอ 3 ประเด็นหลักที่ควรให้ความสำคัญเพื่อพัฒนาความพร้อมด้านดิจิทัลของอาเซียน เพื่อบรรลุการเป็นประชาคมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุม บูรณาการ และสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ ดังนี้
1. การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนมีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งควรเร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างรอบด้านต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยเฉพาะการปรับปรุงมาตรฐานและกฎระเบียบด้านดิจิทัลที่โปร่งใสและเป็นธรรม การบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพและปลอดภัย การพัฒนาทักษะดิจิทัลที่มีคุณภาพสูงในภาคแรงงานและธุรกิจ ตลอดจนการส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เข้มแข็ง
ทั้งนี้ ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ต่อยอดสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล และการขยายธุรกิจ ตลอดจนมุ่งส่งเสริมการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั้งในและนอกอาเซียน อาทิ เทคโนโลยีบล็อคเชน อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ โลจิสติกส์อัจฉริยะ และเกษตรอัจฉริยะ
2. การสร้างความเชื่อมโยงดิจิทัล การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและไร้ร้อยต่อ ความเชื่อมโยงด้านข้อมูลและระบบการชำระเงินดิจิทัล ตลอดจนความเชื่อมโยงของระบบ ASEAN Single Window เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศที่เอื้อต่อธุรกิจดิจิทัลและเสริมสร้างการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน ซึ่งไทยมีโครงการ ASEAN Digital Hub เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมทั่วประเทศ และพัฒนาความเชื่อมโยงของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศในภูมิภาค การพัฒนาโครงการ Thailand Digital Valley ในพื้นที่ EEC รวมทั้งการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ นำเทคโนโลยีดิจิทัลจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ มาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาของเมืองอย่างตรงจุด
นอกจากนี้ บริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น อะเมซอนเว็ปเซอร์วิส ยังได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ส่วนกลางสำหรับหน่วยราชการไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปฏิรูประบบดิจิทัลของภาครัฐ
3. การสร้างความยั่งยืนและครอบคลุม ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล การพัฒนาบุคลากรดิจิทัล การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดจนการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ MSMEs และสตรี นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ครอบคลุม และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในภูมิภาค โดยไม่ทิ้งกลุ่มใดๆ ไว้ข้างหลัง ไทยจึงให้ความสำคัญกับการเร่งพัฒนาทักษะดิจิทัลในบุคคลทุกกลุ่ม ทุกระดับ และดึงดูดแรงงานดิจิทัลทักษะสูงจากต่างประเทศ รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนให้เข้ามาทำงานในไทย
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีมาตรฐาน โปร่งใส และเป็นธรรม ลดช่องว่างด้านการพัฒนา และขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความร่วมมือและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสาขาเกษตรอัจฉริยะ พลังงานสะอาด เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งเห็นว่า การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมและการเข้าถึงนวัตกรรม การพัฒนาระบบนิเวศที่ปลอดภัย การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขยายโอกาส และผลักดันการเติบโตด้านดิจิทัลในยุคหลังโควิด-19
นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า การพัฒนาด้านดิจิทัลของอาเซียนจะเป็นไปแบบรอบด้านระหว่าง 3 เสาของประชาคมอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ความเชื่อมโยงดิจิทัลที่เข้มแข็ง และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการขับเคลื่อนประชาคมดิจิทัลอาเซียน พร้อมก้าวสู่การบูรณาการด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบเพื่อการเป็น "ดิจิทัลอาเซียน" และทำให้อาเซียนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก เพื่อประโยชน์ของประชาชนสืบต่อไป
อนึ่ง การประชุม ABIS เป็นกิจกรรมประจำปีของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้นำรัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และผู้นำธุรกิจทั้งภายในและภายนอกอาเซียน ซึ่งในปีนี้ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในรูปแบบผสม (hybrid) ภายใต้หัวข้อหลัก "Addressing Challenges Together" เน้นประเด็นเรื่องการเผชิญความท้าทาย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสาธารณสุข