นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งติดอาวุธด้านการบริหารจัดการธุรกิจแก่ผู้ประกอบธุรกิจบริการรายย่อยของไทยใน 3 ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ 1) ธุรกิจร้านอาหาร 2) ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และ 3) ธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ (Wellness) เนื่องจาก 3 ธุรกิจบริการเป้าหมายเกี่ยวข้องกับสาธารณชนจำนวนมาก เป็นธุรกิจที่กำลังเข้ากระแสนิยม และมีผู้ประกอบการรายย่อยสนใจเข้ามาประกอบธุรกิจจำนวนมาก และเป็นภาคเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้ประเทศในระดับสูง
นายสินิตย์ กล่าวว่า จุดอ่อนสำคัญของธุรกิจบริการไทย คือ ขาดองค์ความรู้ที่จำเป็นในการบริหารธุรกิจ เช่น การคำนวณต้นทุน การตลาด การบริหารงานบุคคล การเงินและบัญชี ระบบภาษี ความรู้ด้านกฎหมาย การนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ รวมทั้งต้องเผชิญกับภาวการณ์แข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เสริมสร้างองค์ความรู้เน้นการเสริมสร้างองค์ความรู้เชิงลึกแบบครบทุกมิติ ทั้งการตลาด การบริหารจัดการธุรกิจ การเงินและบัญชี วิธีการจัดการต้นทุนไม่ให้บานปลาย การขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงกลยุทธ์/เทคนิคการบริการที่ดีเยี่ยมเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด และพร้อมที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำ รวมทั้งสร้างเครือข่ายผู้ประกอบธุรกิจบริการเพื่อให้เกิดการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และมีโอกาสพัฒนาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ หรือร่วมลงทุนในอนาคต
ทั้งนี้ การเพิ่มพูนองค์ความรู้เชิงลึกแบบครบทุกมิติจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจ หรือเข้าถึงแก่นแท้ของธุรกิจมากขึ้น มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างสมเหตุผล ส่งผลต่อความเข้มแข็งของธุรกิจระยะยาว และผลประกอบการที่เป็นกำไรในอนาคต พร้อมที่จะขยายและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจต่อเนื่องที่หลากหลาย
ในส่วนธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจฐานรากที่มีทุกชุมชน เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ประกอบธุรกิจได้ทันที มีตั้งแต่ขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ สำหรับผู้ประกอบการรายเดิมเริ่มหันกลับมาขยายสาขา โดยปรับรูปแบบการให้บริการเป็นแบบ Limited Service เพื่อลดต้นทุนธุรกิจและรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มลูกค้าซื้อกลับบ้าน (Take Home) และการจัดส่งอาหารไปยังที่ต่างๆ (Delivery)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะดำเนินการสร้างความเข้มแข็ง ส่งเสริมและสร้างโอกาสทางการตลาดให้ธุรกิจ ผ่าน 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมยกระดับร้านอาหารไทยสู่คุณภาพมาตรฐานภายใต้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT, กิจกรรม Smart Restaurant Plus เสริมสร้างองค์ความรู้ และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรและแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ
ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารมีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ การวางแผนบัญชีภาษี และสามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในการสร้างโอกาสทางการตลาด และสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ โดยจะดำเนินกิจกรรมระหว่างเดือนม.ค.-ก.ค. 66
ด้านธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ช่วยผลักดันให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของไทยเติบโตเพิ่มมากขึ้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เสริมสร้างองค์ความรู้เพื่อให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคต มีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ การจัดทำแผนธุรกิจ บัญชี ภาษี และกฎหมาย นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในการบริหารจัดการและสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ ภายใต้โครงการ Smart Senior Care Business ดำเนินกิจกรรมเดือนพ.ย. 65
ส่วนธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ (Wellness) เป็นการดูแลสุขภาพของคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ เป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน การใช้สินค้าและบริการต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพและความงามมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังครอบคลุมอีกหลายภาคส่วน เช่น การท่องเที่ยวสุขภาพ โภชนาการเพื่อสุขภาพ การชะลอวัย การออกกำลังกายและจิตใจ การลดน้ำหนัก การดูแลส่วนบุคคล สปา ความงาม รวมทั้ง การแพทย์แผนดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก เป็นต้น
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าธุรกิจบริการด้วยการตลาดดิจิทัล เพิ่มยอดขายสร้างรายได้แก่ธุรกิจ เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ก่อให้เกิดการจ้างงานและกระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ โดยจะดำเนินกิจกรรมระหว่างเดือนก.พ.-ส.ค. 66
"ภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนภาคธุรกิจบริการเต็มที่ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ และจะเป็นตัวกลางช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ธุรกิจบริการกลุ่มเป้าหมายได้รับความสะดวกรวดเร็วในการประกอบธุรกิจ พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจ สร้างรายได้เข้าประเทศ และส่งผลต่อดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป" นายสินิตย์ กล่าว
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 65) 3 ธุรกิจบริการเป้าหมายที่เป็นนิติบุคคล มีจำนวนทั้งสิ้น 22,029 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 137,626.23 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจร้านอาหาร 18,263 ราย ทุนจดทะเบียน 117,554.12 ล้านบาท ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ 654 ราย ทุนจดทะเบียน 3,955.80 ล้านบาท ธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ (Wellness) 3,112 ราย ทุนจดทะเบียน 16,116.32 ล้านบาท