สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ผู้รับหน้าที่ประธานและเจ้าภาพการจัดประชุมสภาที่ปรึกษาธุรกิจ 2022 และ APEC CEO Summit 2022 ภายใต้แนวทาง "Embrace, Engage, Enable" พร้อมส่งมอบข้อเสนอแนะ และแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแก่ภาคนโยบายผ่านเวทีการประชุมเอเปค 2022 โดยพร้อมกันนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจาก PwC ในฐานะ ?พันธมิตรด้านองค์ความรู้? ของงาน APEC CEO Summit 2022 ในการส่งมอบรายงานทางธุรกิจ (Thought Leadership) แก่ภาคธุรกิจ ทิศทางสำคัญต่อการขับเคลื่อนและก้าวข้ามความท้าทายของการดำเนินธุรกิจภาคเอกชนในอนาคตอันใกล้
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ 2022 (ABAC) กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เผชิญภาวะการหยุดชะงักครั้งใหญ่ ไม่ว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด ความท้าทายด้านสงคราม วิกฤตความมั่นคงด้านอาหาร วิกฤตพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ การส่งมอบข้อแนะนำจากสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 (ABAC 2022) ภายใต้แนวทาง "Embrace, Engage, Enable" ในปีนี้ จึงนับเป็นมิติใหม่ทางสถานการณ์โลก ที่จะเป็นการเปิดรับโอกาส (Embrace), การสอดประสานความร่วมมือ (Engage) และการร่วมผลักดันสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ (Enable) โดยมีเป้าหมายของการสนับสนุนการเร่งการฟื้นตัว และการกลับมาสร้างแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งเป็นประการสำคัญ
คำแนะนำของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคในปีนี้ รวบรวมขึ้นโดยมีฉากหลังของความขัดแย้งและแนวโน้มของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง โดยพบความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่มั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ผลกระทบอย่างต่อเนื่องของการระบาดใหญ่ การหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อันบั่นทอนความสามารถของภูมิภาคในการบรรลุวิสัยทัศน์ของเอเปค
อย่างไรก็ดี หลังสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค ผ่านการประชุมใหญ่มาตลอดปีรวม 3 ครั้ง ไม่ว่าที่สิงคโปร์, แคนาดา และเวียดนาม จนมาถึงครั้งสุดท้ายที่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่าง 13-16 พฤศจิกายนนี้ ได้มีข้อสรุปของข้อเสนอแนะรวมทั้งสิ้น 69 ข้อ ภายใต้เป้าหมายใหญ่ 2 แนวทาง คือ "การส่งเสริมการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและยั่งยืน" และ "การกลับมาสร้างแรงกระตุ้นสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั่วถึง และมีความยืดหยุ่น" โดยในข้อหลัง ประกอบด้วย การก้าวสู่ความยั่งยืน, การบูรณาการทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยผ่านการทำให้เป็นดิจิทัล โดยคณะทำงานจะทำการส่งมอบรายงานฉบับสมบูรณ์แก่ผู้นำเอเปคในลำดับต่อไป
นายเกรียงไกร กล่าวว่า นอกจากข้อเสนอแนะต่อภาคนโยบายแล้ว สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ยังรับหน้าที่การเป็นประธานและเจ้าภาพการจัดประชุม APEC CEO Summit 2022 ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน ภายใต้แนวทาง "Embrace, Engage, Enable" อีกเช่นกัน อันนับเป็นการประชุมที่รวมผู้นำเขตเศรษฐกิจ ผู้นำทางความคิด และซีอีโอชั้นนำจำนวนมากในการแลกเปลี่ยนมุมมองทางการค้า การลงทุน และการขับเคลื่อนทางสังคม เพื่อให้ชุมชนเอเชียแปซิฟิคได้ร่วมรับโอกาส ประสานความร่วมมือ และการผลักดันสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน
ด้านนายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ APEC Business Advisory Council Executive Director 2022 และ APEC Business Advisory Council Thailand Alternate Member กล่าวถึงความสำคัญของการสนับสนุนข้อมูลจากเอกชนต่อภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญยิ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และลงทุนในเอเชียแปซิฟิกไว้ว่า แม้บทบาทหลักของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค จะเป็นการส่งมอบข้อเสนอแนะต่อภาคนโยบาย แต่เพื่อให้กลไกของภาคเอกชนขับเคลื่อนอย่างรอบด้านและมีพลวัต เราจึงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมผู้ประกอบการทุกระดับในอีกช่องทาง ผ่านรายงานที่จะเป็นการให้คำแนะนำต่อภาคธุรกิจในประเด็นสำคัญต่างๆ ดังที่เราต่างพบว่า ภาคธุรกิจกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากอัตราเงินที่เฟ้อที่สูงขึ้น การปรับตัวหลังโควิดจากหลายปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป การปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัล และผู้บริโภคที่รวดเร็วขึ้น รวมไปถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศที่ทั้งโลก รวมทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังให้ความสำคัญอยู่ในเวลานี้
"เราเชื่อว่าช่วงเวลานี้เช่นนี้ ภาคธุรกิจกำลังต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ในนำไปเป็นแนวทางในการปรับใช้เป็นการเร่งด่วน" นายมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 มีความเชื่อมั่นว่า คำแนะนำดังกล่าว จะช่วยหลอมรวมเอเปคสู่ความเป็นหนึ่ง ในการขับเคลื่อนชุมชนเอเชียแปซิฟิกให้เกิดพลวัตและมีความกลมกลืน โดยสนับสนุนการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้างและเสรี ส่งเสริมและเร่งการรวมตัวทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและทางเทคนิค เสริมสร้างความมั่นคงของมวลมนุษย์ และอำนวยความสะดวกในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยและยั่งยืน และทำให้นโยบาย กลายแป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและสร้างข้อตกลงที่จับต้องได้อันเป็นประโยชน์ของประชาชนร่วมกัน
ด้านนายศรีดารัน ไนร์ รองประธาน PwC ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงการสนับสนุนด้านรายงาน (Thought Leadership) ภายใต้ชื่อ "การรับมือต่อโลกแห่งความเป็นจริงใหม่" (Asia Pacific?s Time: Responding to the new reality) ฉบับนี้ว่า ธุรกิจต่าง ๆ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และนำพาภูมิภาคนี้ไปสู่อนาคต ในฐานะขุมพลังทางเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ เปลี่ยนความไม่แน่นอนของความเป็นจริงในวันนี้ให้เป็นโอกาส ผู้นำธุรกิจจำเป็นต้องมีความกล้าที่จะปรับตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความไว้วางใจ และร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ทั้งนี้ เราพบว่า มีปัจจัย 5 ประการ ที่มีความสอดคล้องและส่งเสริมกัน ได้แก่ ห่วงโซ่อุปทาน การเติบโตขององค์กรระดับภูมิภาค เศรษฐกิจดิจิทัล กำลังแรงงาน และภูมิทัศน์ของ ESG ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการสร้างความแตกต่างและความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจในภูมิภาคมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
การส่งมอบข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนต่อภาคนโยบาย (ABAC?s Recommendations) และจากภาคเอกชนต่อภาคธุรกิจ (Thought Leadership) ที่ดำเนินการผ่านสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 นี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ นั่นเพราะภาคธุรกิจคือกลไกหลักในการสร้างความเจริญเติบโตทางการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านเวทีเอเปค และเป้าหมายหลักของเอเปค คือการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
อนึ่ง รายงานดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือจาก PwC หรือพันธมิตรด้านองค์ความรู้ (Knowledge Partner) ของการประชุม APEC CEO Summit 2022 ในการส่งมอบข้อมูลเชิงลึกระหว่างการประชุม เป็นรายงานที่มีข้อเสนอแนะที่สำคัญแก่ภาคธุรกิจในการไปปรับใช้ เพื่อสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต