นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 35.88 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.77 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทอ่อนค่าสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากเมื่อคืนนี้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน หลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ออกมาให้มุมมองว่า ดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะขึ้นไปได้ถึงระดับ 5-7% ซึ่งถือว่าค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกัน ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำ หรือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แสดงถึง ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง หนุนดอลลาร์แข็งค่า
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 35.70 - 36.10 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงนี้ต้องติดตาม กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิประมาณ 10,000 ล้านบาท
THAI BAHT FIX 3M (17 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.26400% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.62873%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 140.10 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 139.65 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0364 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0366 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.849 บาท/ดอลลาร์
- 14 ผู้นำเอเปก-แขกรับเชิญถึงไทยแล้ว ทั้ง "สี จิ้นผิง-มกุฎราชกุมารซาอุฯ-รองปธน.สหรัฐ" ด้านนายกฯ อุ่นเครื่อง เปิด
การประชุม APEC CEO Summit ผลักดันความร่วมมือกับภาคเอกชน ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วน "จุรินทร์-ดอน" จับมือนำประชุม รมต.
เอเปก ดันเปิดกว้างทุกโอกาสการค้า-การลงทุน เดินหน้าสู่ FTA
- ติดตามการประชุมระดับสุดยอดผู้นำเอเปค (APEC 2022) โดยวันนี้จะเป็นการประชุมระดับผู้นำวันแรก ภายใต้หัว
ข้อ "การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน" (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)
- พร้อมจับตากลุ่มผู้ชุมนุม ภายใต้ชื่อ "ราษฎร หยุด APEC 2022" ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ซึ่งมีเป้าหมายจะเคลื่อนการชุมนุมไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
- กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดข้อเสนอของสำนักงานกองทุนประกันสังคมเกี่ยวกับการสร้างเสถียรภาพ
ของกองทุนประกันสังคม ว่าจะต้องปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างหรือไม่ ปัจจุบันเพดานค่าจ้างสูงสุดที่ใช้คำนวณเงินสะสมและสมทบไม่เกินเดือนละ
15,000 บาท และหากปรับเพดานเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้กองทุนมีรายรับมากขึ้นตามไปด้วย และผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้
ที่เพิ่มขึ้นจากฐานเพดานที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ประเด็นเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม อาจกลายเป็นความเสี่ยงทางการคลังใน
อนาคต เนื่องจากหากกองทุนประกันสังคมมีเงินไม่เพียงพอในการจ่ายให้กับสมาชิก รัฐบาลมีภาระต้องให้งบประมาณเข้ามาสนับสนุน
- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายใน
สัปดาห์ที่แล้ว โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว อยู่สูงกว่าระดับ
215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 4.2% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.425 ล้านยูนิต
แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 8.8% ในเดือนต.ค. ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้น
สร้างบ้าน ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดยังคงมีภารกิจที่ต้องทำอีกมาก ก่อนที่จะ
สามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมาก
เพียงพอ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสนับสนุนการ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ดีด
ตัวเหนือระดับ 4.4% และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และ 30 ปี
- ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องกับการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขานรับเจ้าหน้าที่
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้น
ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน
ธ.ค. ลดลง 12.8 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,763 ดอลลาร์/ออนซ์
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ใน
การประชุมเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 15% อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย
0.50% ในการประชุมครั้งนี้
- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ สหรัฐจะมีการรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก
Conference Board