นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมการหารือเต็มคณะระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค กับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC)
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณ ABAC สำหรับรายงานที่มีข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และปฏิบัติได้จริง สะท้อนข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจว่า เอเปคจะต้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ อย่างไรต่อไป ซึ่งการหารือในวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้สานต่อความร่วมมือ โดยใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาร่วมกันของภูมิภาค โดยเอเปคมีคุณลักษณะเฉพาะที่ทำให้แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ เช่น การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อหาทางออกไปด้วยกัน
รวมทั้งความสำเร็จของเอเปคในปีนี้เป็นผลมาจากการรับข้อเสนอแนะของ ABAC มาขับเคลื่อน โดยเฉพาะแผนงานต่อเนื่องหลายปีสำหรับวาระเรื่อง FTA-AP (Free Trade Area of the Asia-Pacific) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากข้อเรียกร้องของ ABAC ที่ต้องการให้วาระเรื่อง FTA-AP มีความคืบหน้า รวมทั้งการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย ได้บรรลุผลเป็นรูปธรรม ช่วยฟื้นฟูการเดินทางข้ามแดนอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ยังได้เสนอการจัดทำเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อขับเคลื่อนวาระการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมสอดคล้องกับการขับเคลื่อน ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของเอแบค
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลงานของ ABAC ปีนี้ส่งเสริมสอดคล้องกับการดำเนินงานของเอเปคเป็นอย่างดี พร้อมขอให้ใช้ประโยชน์จากการหารือกลุ่มย่อยเพื่อนำข้อเสนอของ ABAC ไปสู่นโยบายที่สามารถดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างอนาคตของภูมิภาคที่ยั่งยืนและครอบคลุม
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธาน ABAC ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้หารือร่วมกันในวันนี้ โดยระบุว่า ปัจจุบันความท้าทายต่างๆ เป็นภัยคุกคามที่ทุกเขตเศรษฐกิจต้องเผชิญร่วมกัน จึงเห็นได้ว่า รายงานประจำปีของ ABAC เน้นย้ำ การร่วมมือกันอย่างจริงจัง เน้นการป้องกันไม่ให้ติดอยู่ในกับดักเงินเฟ้อ วิกฤตอาหาร อำนวยความสะดวกทางการค้า ดำเนินการตามเศรษฐกิจ BCG รับมือกับโรคระบาด การเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม สนับสนุนความเชื่อมโยงและไร้รอยต่อ ภายใต้มาตรฐานและแนวปฏิบัติร่วมกัน รวมถึงการตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนบูรณาการทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค สนับสนุน MSMEs โดยเฉพาะ รวมถึงการพัฒนาและนำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมาใช้