Krungthai COMPASS ระบุว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่าจะขยายตัวได้ในช่วง 3.0-4.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (1) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว (2) การขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ (3) การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภายในประเทศ และ (4) แนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ดีของภาคการเกษตร ขณะที่เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เงื่อนไขทางการเงินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจากภาระหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง และความเสี่ยงจาการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
มุมมองของสภาพัฒน์ต่อเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะขยายตัวเร่งขึ้นนั้น อยู่ในทิศทางเดียวกับสถาบันทางเศรษฐกิจหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) (คาดว่าเติบโต 3.7%) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) (คาดว่าเติบโต 3.8%) รวมทั้งสอดคล้องกับมุมมองของ Krungthai COMPASS ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบจากปี 2565 จากแรงหนุนของการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งยังจะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
โดย Krungthai COMPASS คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 66 จะขยายตัวขึ้นเป็น 21.4 ล้านคน จากปีนี้ที่อาจจะแตะ 10.2 ล้านคน แนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า จะหนุนการเติบโตของภาคธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน เช่น ธุรกิจโรงแรมและบริการด้านอาหาร ธุรกิจการค้าปลีก และธุรกิจขนส่ง เป็นต้น โดยไทยถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลก (เช่น จีน) ที่คาดว่าการเติบโตของ GDP ในปีหน้าจะสูงกว่าปีนี้
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 65 สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัว 3.2% แตะระดับขอบบนของประมาณการเดิมที่ 2.7 - 3.2% จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจนตามการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติมากขึ้น สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของภาครัฐ อีกทั้ง การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์คาดว่าการส่งออกสินค้าในปีนี้ จะเริ่มได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง