นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 3/65 ว่า ถือเป็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และมีเสถียรภาพ เป็นไปตามที่เคยพูดไว้ตลอดว่าทุกอย่างต้องรักษาเสถียรภาพ การเงินการคลัง ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจดีขึ้น ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะทยอยเดินทางเข้าไทย ซึ่งคาดว่ากลางเดือนธ.ค.นี้ จะได้ตามเป้า 10 ล้านคน ส่วนการลงทุนภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเครื่อง เพราะอยู่ในช่วงต้นปีงบประมาณ
รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ระบุว่า การลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ เริ่มทยอยเข้ามาในประเทศไทย และเร่งดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ และพยายามดึงดูดอุตสาหกรรมอื่นๆ เข้ามาด้วย เพราะช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี หลังการประชุมเอเปค ก็จะมีนักธุรกิจเข้ามาอีกหลายคณะ ไทยจึงต้องเก็บเกี่ยวและดึงดูดนักลงทุนไว้ เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้มี 3 หน่วยงานที่จะร่วมพิจารณา คือ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) โดยจะประเมินสถานการณ์จากสมมติฐานที่ตั้งไว้มาประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ดี หากยังไม่สามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ทันในสัปดาห์หน้า (29 พ.ย.) ก็ยังสามารถนำเข้า ครม.ได้ในช่วงต้นเดือนธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีหลายกระทรวงทยอยนำเสนอให้ ครม.พิจารณา
นายสุพัฒนพงษ์ ยอมรับว่า กังวลในเรื่องของราคาพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ซึ่งแนวทางความช่วยเหลือ อาจจะมีการพิจารณาเพิ่มเติม นอกจากแนวทางเดิม แต่ช่วงนี้อยู่ในกระบวนรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจ ประชาชน และจะทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ไฟ 300-500 หน่วย สำหรับงบประมาณที่ต้องมาใช้อุดหนุนค่าพลังงานในปีหน้านั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ต้องพึ่งพาด้านเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัว และรายได้ประชาชนจะดีขึ้นตามลำดับ อีกทั้งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ก็จะเปิดดำเนินการ หลังจากนี้ กระทรวงพลังงานจะไปพิจารณามาตรการต่างๆ เพื่อมาช่วยเหลือประชาชน จึงอยากให้รอดูและรับฟังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่าจะมีการปรับราคาขึ้นตามสมมติฐานหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้เห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายแล้ว และกำลังสอบถามไปยังคณะกรรมการ กพช.ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งจะมีประชุมในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อจะให้ทราบผลในเดือนม.ค.66
ส่วนข้อกังวลว่ารัฐบาลจะหมดวาระหรือรัฐบาลเตรียมการยุบสภา จะกระทบกระทบต่อการลงทุนหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทุกอย่างได้เตรียมการปูพื้นไว้เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าอุตสาหกรรมหรือโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลทำไว้ จะสอดคล้องกับทิศทางโลก ดังนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง