SCB EIC มองอุตฯ เกษตรปี 66 เผชิญหลายความท้าทาย แนะเร่งปรับตัว-ยกระดับการแข่งขัน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 23, 2022 11:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SCB EIC มองอุตฯ เกษตรปี 66 เผชิญหลายความท้าทาย แนะเร่งปรับตัว-ยกระดับการแข่งขัน

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า อุตสาหกรรมเกษตรในปี 66 มีแนวโน้มเติบโตในลักษณะรูปตัว K ซึ่งต่างจากภาวะตลาดในปี 65 ซึ่งเป็นการขยายตัวสอดคล้องกันในทุกอุตสาหกรรม โดยประเด็นสำคัญที่มีต่อทิศทางอุตสาหกรรมเกษตรในปี 66 มีดังนี้

  • การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่สมดุล/ไม่เท่าเทียม (Uneven growth) ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 66 โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรที่อิงกับความต้องการบริโภคในตลาดโลก ทั้งน้ำตาล และยางพารามีแนวโน้มปรับตัวลดลง ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มเติบโตเร่งขึ้น จะหนุนให้ราคามันสำปะหลัง ซึ่งพึ่งพาความต้องการใช้ในจีนเป็นหลักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาของพืชพลังงาน (น้ำตาล ปาล์มน้ำมัน) และพืชที่ใช้ทดแทนยางสังเคราะห์ (ยางพารา) มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามไปด้วย
  • การผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์มจากประเทศผู้ผลิตหลักอย่างมาเลเซียปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัญหาขาดแคลนแรงงานเก็บผลปาล์มที่คลี่คลายลง ซึ่งอุปทานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว จะกดดันให้ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวลดลง
  • ความกังวลด้านความมั่นคงด้านอาหาร โดยเฉพาะนโยบายควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย ส่งผลให้ราคาและปริมาณการส่งออกข้าวไทยได้รับอานิสงส์ และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • ปริมาณน้ำฝนและน้ำในเขื่อนที่เพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช และราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตอ้อย มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น

EIC คาดการณ์สถานการณ์อุตสาหกรรมเกษตรปี 66 ท่ามกลางความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับลดลง รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ ดังนี้

  • อุตสาหกรรมน้ำตาล มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปริมาณผลผลิตน้ำตาลและมูลค่าตลาดน้ำตาลที่มีแนวโน้มเติบโต โดยในปี 66 คาดว่ามูลค่าการส่งออกน้ำตาลของไทย และมูลค่าตลาดน้ำตาลในประเทศ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.2%YOY และ 3.8%YOY ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก และนโยบายควบคุมการส่งออกน้ำตาลของอินเดีย
  • อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามปริมาณผลผลิตและราคามันสำปะหลังที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 66 คาดว่า มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7% อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า นโยบายเกษตรของจีน และการกลับมาระบาดของโรคใบด่าง
  • อุตสาหกรรมข้าว มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปริมาณผลผลิตและราคาข้าวที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 66 คาดว่า มูลค่าการส่งออกข้าวจะขยายตัวสูงถึง 25.8%YOY อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากนโยบายส่งออกข้าวของอินเดีย และต้นทุนการผลิตข้าวของไทยที่สูงกว่าคู่แข่ง
  • อุตสาหกรรมยางพารา มีแนวโน้มกลับมาหดตัว จากราคาและมูลค่าการส่งออกยางพาราที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ประกอบกับผลผลิตยางพารามีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำ โดย EIC คาดว่า ในปี 66 มูลค่าการส่งออกยางพาราจะปรับตัวลดลง 7.5%YOY สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะมีผลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรม คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกและการแพร่ระบาดของโรคใบร่วงยางพาราชนิดใหม่
  • อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มหดตัว ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบและอุปสงค์น้ำมันปาล์มดิบ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ประกอบกับผลผลิตปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำ โดย EIC คาดว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบในปี 66 จะปรับตัวลดลง 25.8%YOY นอกจากนี้ ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก และนโยบายการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของผู้ส่งออกหลักอย่างอินโดนีเซีย
"คาดว่าอุตสาหกรรมน้ำตาล มันสำปะหลัง และข้าว ในปี 66 ยังมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีนี้ ขณะที่อุตสาหกรรมยางพาราและปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มกลับมาหดตัว" บทวิเคราะห์ ระบุ

ทั้งนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมเกษตรในปี 65 และในระยะต่อไป ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ดังนี้

  • ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายด้านการเกษตรของประเทศคู้ค้า/คู่แข่ง ในช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น จากเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นโยบายด้านการเกษตรของประเทศต่างๆ ก็มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งสภาวการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้อุตสาหกรรมเกษตรที่พึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดโลกต้องเผชิญกับความผันผวนมากขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะทำให้ผู้ประกอบการที่ใช้สินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบ ต้องเผชิญกับผลประกอบการที่มีความผันผวนมากขึ้น จากทั้งต้นทุนการผลิตและปริมาณวัตถุดิบที่มีความไม่แน่นอนสูง
  • นโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low carbon economy) เช่น มาตรการการค้าระหว่างประเทศ การเก็บภาษีคาร์บอน เป็นต้น จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  • ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญของโลก ที่จะกระทบต่ออุตสาหกรรมเกษตร โดยในอนาคตผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้สินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบ มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าที่มาจากกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น

ดังนั้น EIC มองว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกษตร จำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว และยกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนสูงของภาวะเศรษฐกิจ กฎระเบียบ และข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศคู่ค้า/คู่แข่ง เช่น การติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ มีการกระจายการส่งออกไปยังตลาดส่งออกที่หลากหลาย และมีการจัดทำแผนฉุกเฉินต่อความเป็นไปได้ของฉากทัศน์ (Scenario) ที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงการลงทุน เพื่อให้สามารถคว้าโอกาส และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกระแสความยั่งยืน รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านระบบการผลิตไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำร่วมด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ