นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ภายหลังจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้ กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับเรียบร้อยแล้วนั้น ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) มีแผนการดำเนินการกู้เงินในปี 2565 รวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท โดย สกนช. ได้เริ่ม ดำเนินการกู้เงินจากสถาบันการเงินแล้ว 10,000 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน โดยมีแผนการชำระหนี้ประมาณ 7 ปี
ส่วนที่เหลืออีก 120,000 ล้านบาท สกนช. จะทยอยการกู้เงิน และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) และขอความเห็นชอบ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในปี 2566 ตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละช่วงเวลาของสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกในขณะนั้น
ปัจจุบันประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ติดลบ 131,405 ล้านบาท
นายวิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการประกาศให้มี พ.ร.ก. ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน การชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดวิกฤตทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อภาวะค่าครองชีพ และการดำรงชีพของประชาชน และกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
สกนช. จำเป็นต้องกู้เงินอย่างเร่งด่วน เพื่อนำมาใช้ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่อาจค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช.ได้ จึงจำเป็นต้องผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช.