นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมเป็นประธานในพิธีเปิด KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจัดโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อเดินหน้าโครงการสำคัญของรัฐบาลในการส่งมอบความช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 65 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 พร้อมมาตรการคู่ขนาน วงเงินรวม 81,265 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 ก.ย. 66 โดยมีเป้าหมายเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์มากกว่า 4.68 ล้านครัวเรือน และเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรตั้งแต่ 24 พ.ย. 65 เป็นต้นไป
โดยนายกรัฐมนตรี จะได้ติดตามผลการดำเนินงานภายใต้มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ก่อนกล่าวพบปะเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่มาร่วมกิจกรรม จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะทำพิธีกดปุ่มโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวฯ และจะเป็นประธานสักขีพยานในการมอบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวฯ การมอบสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกแก่ผู้แทนเกษตรกร และการมอบสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวเปลือกให้แก่ผู้แทนสถาบันเกษตรกร
"การจัดงาน KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 นับเป็นการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้มีรายได้และสภาพคล่องในการใช้จ่าย รวมถึงเปิดโอกาสให้เกษตรกรมีทางเลือกในการขายข้าวเปลือกในราคาที่สูงขึ้น หรือเหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต" นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. กำหนดจัดงาน KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ที่ จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจาก จ.เพชรบูรณ์ เป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวนมากที่สุดในเขตภาคเหนือ โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 70,000 ราย ประมาณการโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ผ่านสำนักงาน ธ.ก.ส. ทุกสาขาของจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมจำนวนเงินกว่า 900 ล้านบาท
ด้านนายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.65 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่าย และพัฒนาศักยภาพในการผลิต วงเงินรวม 81,265 ล้านบาท ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 ก.ย. 66 โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 65 ประกอบด้วย
1. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและภัยธรรมชาติ โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
- ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ตัน
- ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ตามประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เมื่อ 21 พ.ย.65 ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง ตามข้อมูลที่ได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งผ่านการประชุมของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ งวดที่ 1-6 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ต.ค.65 ถึงวันที่ 18 พ.ย.65 รวมทั้งสิ้น 1.68 ล้านครัวเรือน จำนวนเงิน 4,516.88 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้ งวดที่ 1 เก็บเกี่ยวก่อน 15 ตุลาคม 2565 งวดที่ 2 เก็บเกี่ยว 15 - 21 ตุลาคม 2565 งวดที่ 3 เก็บเกี่ยว 22 - 28 ตุลาคม 2565 งวดที่ 4 เก็บเกี่ยว 29 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2565 งวดที่ 5 เก็บเกี่ยว 5 - 11 พฤศจิกายน 2565 งวดที่ 6 เก็บเกี่ยว 12 - 18 พฤศจิกายน 2565 ทั้ง 6 งวด โอนพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565
2. โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละ 1,000 บาท) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต และสร้างขวัญกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวและจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาข้าวให้มีคุณภาพดี ในการเพิ่มโอกาสในการขายข้าวในราคาที่สูงและมีรายได้มากขึ้น โดยสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน ยอดจ่ายทั้งประเทศ รวม 4.295 ล้านครัวเรือน จำนวนเงิน 50,617.045 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินตามแผนการโอนเงินส่งถึงมือเกษตรกร ดังนี้
- 24 พ.ย. 2565 โอนรวม 804,017 ครัวเรือน จำนวนเงิน 10,015.485 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ตาก เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน และจังหวัดลำพูน
- 25 พ.ย. 2565 โอนรวม 985,871 ครัวเรือน จำนวนเงิน 10,841.001 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดลำปาง น่าน แพร่ อุดรธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และ จังหวัดอุบลราชธานี
- 26 พ.ย. 2565 โอนรวม 978,459 ครัวเรือน จำนวนเงิน 11,036.883 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ นครราชสีมา และจังหวัดยโสธร
- 27 พ.ย. 2565 โอนรวม 980,489 ครัวเรือน จำนวนเงิน 11,369.183 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และจังหวัดชัยภูมิ
- 28 พ.ย. 2565 โอนรวม 546,458 ครัวเรือน จำนวนเงิน 7,354.491 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ สระแก้ว กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี กระบี่ ชุมพร พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล ก.ท.ม. และจังหวัดเลย
"ทั้ง 2 โครงการ พร้อมโอนงวดแรก วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานโอนเงินครั้งแรกให้แก่เกษตรกร ณ บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดเพชรบูรณ์" นายกษาปณ์ กล่าว