กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แนะนำว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ควรจับตาความเคลื่อนไหวและใช้มาตรการตอบโต้การเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่เปิดทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่าย
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟที่ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกประจำเดือนเม.ย.2551 ว่า "ประเทศต่างๆรวมถึงสหรัฐไม่ควรจำกัดการใช้นโยบายการทางการเงินไว้เป็นแค่เครื่องมือขจัดปัญหาความยุ่งยาก หลังจากที่ราคาสินทรัพย์ตกลงเท่านั้น"
ธนาคารกลางต่างๆควรใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินในการตอบโต้กับภาวะราคาสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นผิดปกติ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นมิให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญภาวะฟองสบู่แตกและเพื่อป้องกันภาวะไร้ความสมดุลทางการเงินอาจเป็นวิธีที่ได้ผล
ทั้งนี้ ธนาคารกลางควรนำประเด็นเรื่องราคาบ้านขึ้นมาพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ธนาคารกลางต้องหามาตรการจัดการความเสี่ยงผ่านการใช้นโยบายทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของไอเอ็มเอฟมีความขัดแย้งกับหลักการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มองว่า เป็นเรื่องยากเกินไปที่เฟดจะสามารถเล็งเห็นถึงสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ ขณะที่นโยบายทางการเงินที่มีอยู่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้สกัดกั้นมิให้เกิดภาวะดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดกล่าวว่า เฟดไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่มีหน้าที่ในการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจมากกว่า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--