เจ้าหน้าที่จากโครงการพัฒนาอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP) เปิดเผยว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเดินมาถูกทางในการป้องกันวิกฤตการณ์ขาดแคลนผลผลิตอาหารภายในประเทศ
วาเลอรี การ์นิเอรี ผู้อำนวยการของ WFP ในฟิลิปปินส์กล่าวว่า "ในเบื้องต้นเราไม่ค่อยวิตกกังวลต่อวิกฤติขาดแคลนอาหารในฟิลิปปินส์มากนักเนื่องจากฟิลิปปินส์สามารถหาทางรับมือกับความต้องการบริโภคอาหารในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 85% ได้แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 15% นั้นรัฐบาลจะใช้ความพยายามมากขึ้นเป็นพิเศษเพื่อทวงสัญญาที่ประเทศอื่นให้คำมั่นว่าจะจัดหาอาหารที่จำเป็นให้กับเรา"
นางการ์นิเอรีกล่าวว่า การนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันวิกฤติขาดแคลนอาหาร ซึ่งทางการฟิลิปปินส์กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในเวลานี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล-อาโรโย่ของฟิลิปปินส์ประกาศว่า เวียดนามได้ทำข้อตกลงเพื่อขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์จำนวน 1.5 ล้านเมตริกตัน ซึ่งจะเริ่มทำการประมูลข้าวในเดือนมิ.ย.นี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เริ่มกระบวนการจัดหาข้าวให้กับชาวฟิลิปปินส์ที่มีฐานะยากจนด้วยการขายข้าวในราคากิโลกรัมละ 18.50 เปโซพร้อมทั้งใช้มาตรการอื่นๆในการสกัดกั้นราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่นการจัดสรรเงินช่วยเหลือด้านอาหารให้กับกลุ่มคนยากจน ซึ่งนางการ์นิเอรีกล่าวว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์พร้อมที่จะดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นางการ์นิเอรีกล่าวว่า จากภาวะราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นและวิกฤติขาดแคลนผลผลิตในตลาดโลกอาจส่งผลดีต่อภาคการเกษตรในฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร พร้อมทั้งชี้ว่าประเทศต่างๆ รวมทั้งฟิลิปปินส์จะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลผลผลิตอาหารในประเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติกล่าวว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ควรมุ่งเน้นปรับปรุงมาตรการเพิ่มเสถียรภาพด้านอาหารและต้องเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ยากไร้ควบคู่กันไปด้วย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--