นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีและเครือข่าย จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ที่ จ.อุบลราชธานี ภายใต้หัวข้อ "Connect the dots : Enhancing Thailand Competitiveness" โดยวาระเร่งด่วนที่ตั้งเป้าหมายร่วมกับภาครัฐและเอกชน คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนให้เกิดการปรับตัว ด้วยการนำเอา Digital Transformation มาใช้ดำเนินธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพ และไม่ใช่แค่ทางเลือกหรือทางรอด แต่คือทางหลักสู่ความสำเร็จของ SME ไทย ท่ามกลางปัญหาวิกฤติซ้อนวิกฤติ
นายสนั่น กล่าวว่า การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในครั้งนี้ หอการค้าจังหวัดได้นำเสนอโครงการที่สำคัญเร่งด่วน (Flagship Projects) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคหลายโครงการ ทั้งในด้านการเกษตร การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยได้รวบรวมแนวทางการขับเคลื่อนดังกล่าวอยู่ในสมุดปกขาว เพื่อมอบให้กับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้นำไปพิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ในสมุดปกขาวยังได้มีการกำหนดแนวทางขับเคลื่อนเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ใน 3 ด้าน ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบาง ประกอบด้วย 1. Connect : เชื่อมโยงความร่วมมือเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ 2. Competitive : ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ และ 3. Sustainable : พัฒนา เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Connect : เชื่อมโยงความร่วมมือเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย
1) ต่อยอดความเชื่อมั่นจากการเป็นเจ้าภาพ APEC 2022 พร้อมผลักดัน FTAAP และเร่งขยาย FTA กับนานาชาติให้มากขึ้น เพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
2) แสวงหาโอกาสและขยายตลาดใหม่ๆ ในประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่
- การขยายผลการศึกษาวิจัยโอกาสการลงทุนระหว่างไทยและจีนที่หอการค้าไทย ร่วมกับสถานทูตจีน ดำเนินการเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
- การขยายความสำเร็จ จากการเปิดความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย โดยหอการค้าไทยพร้อมเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างกัน โดยหอการค้าไทย มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุดิอาระเบียอีกครั้ง เพื่อขยายการค้า การลงทุนร่วมกันให้มากยิ่งขึ้น
- เดินหน้าความร่วมมือด้านการลงทุน ภายใต้ MOU ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าให้ถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025
2. Competitive : ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ ประกอบด้วย
1) จากข้อมูลและการศึกษาพบว่า SMEs ที่มีการรวมตัวในลักษณะองค์กรหรือทำธุรกิจเชื่อมกับ Value Chain ของบริษัทใหญ่ จะมีความเข้มแข็งและมีความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น ในปี 2566 หอการค้าไทย ตั้งเป้าหมายระดมสมาชิกเพิ่มจาก 1 แสนราย เป็น 2 แสนราย ภายใน 3 ปีข้างหน้า
2) หอการค้าไทย ได้จัดตั้ง สถาบัน Competitiveness ภายใต้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมทั้งขับเคลื่อนและติดตามการให้คะแนนและการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งการสำรวจและศึกษาความสามารถในการแข่งขันในระดับพื้นที่และกลุ่มธุรกิจเพื่อกระจายขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ หอการค้าไทยจะใช้ประสบการณ์จากการดำเนินโครงการ Big Brother ดึงความร่วมมือจากภาคเอกชนไทย ในนาม กกร. ผนึกกำลังกับ TMA สร้าง Pilot Project ยกระดับ SMEs ไทย ใน 3 ด้านที่มีปัญหา ได้แก่ ด้านประสิทธิภาพการทำงาน ด้านการตลาด และด้านการเงิน มุ่งให้ SMEs ให้เข้าสู่ตลาดสากล เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม
3) ผลักดันแนวทาง Trade & Travel โดยหอการค้าไทยจะร่วมกับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ต่อยอดการท่องเที่ยวคุณภาพสูง ยกระดับการสร้าง Soft Power ในแต่ละจังหวัดทั้งด้านสมุนไพร อาหาร และวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วย Happy Model
4) หอการค้าไทยจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ BOI ยกระดับ Ease of Investment และจัดกิจกรรมเชิงรุก เพื่อดึงดูดนักนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนตรงในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่การลงทุนที่สำคัญของไทยอย่าง EEC ที่มีความพร้อมในการรองรับ การลงทุนตรงจากทั่วโลกได้อย่างทันที พร้อมปรับปรุงและสนับสนุนการ Long Term Resident VISA (LTR VISA) เพื่อให้มีคนต่างชาติ 4 กลุ่มเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น
5) ขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เกิดการปรับปรุงกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทุกภาคส่วน
6) สำหรับด้านการปลดล็อค ส่งเสริม พัฒนาของภาครัฐ ที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน ในปีนี้ หอการค้าไทย ยังได้ร่วมกับ กพร. ริเริ่ม "รางวัลสำเภานาวาทอง" มอบแก่หน่วยงานราชการที่ยกระดับขั้นตอนการติดต่อราชการให้รวดเร็ว ลดการลงนามเอกสาร สนับสนุนให้เกิด e-Government เต็มรูปแบบ
3. Sustainable : พัฒนา เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ ประกอบด้วย
1) หอการค้าไทยและเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมผลักดันเป้าหมายกรุงเทพฯ (Bangkok Goals) ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG โดยจะนำเอาแผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคภาคเอกชนที่จัดทำร่วมกับกระทรวงการอุมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นแนวทางขยายผล BCG Model เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ
2) ใช้กลไกสถาบันวิทยาการเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่จัดตั้งขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นสถาบันทางวิชาการ สร้างความรู้ ความเข้าใจ BCG Model และบริบทการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) พร้อมทั้งศึกษา Model ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ (Success Case) เพื่อขยายผลไปภาคธุรกิจทั่วประเทศต่อไป
"สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2566 ซึ่งถือเป็นปีที่สำคัญของหอการค้าไทย ก่อตั้งครบ 90 ปีนั้น จะนำแนวทาง Connect Competitive และ Sustainable เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเปราะบาง แต่เราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ โดยหอการค้าไทยคาดว่า GDP ไทยจะเติบโตได้ 3.5-4 % และภาคการส่งออกจะเติบโตได้ 3-5% ภายใต้ความร่วมมือ และการทำงานเชิงรุกของพวกเราทุกคน" นายสนั่น กล่าว