ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 49.4 ตามการปรับเพิ่มขึ้นในทุกองค์ประกอบ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของภาคที่มิใช่การผลิตในเกือบทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร กลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มโลจิสติกส์ที่ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้นมาก
สำหรับดัชนีฯ ของภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากกลุ่มการผลิตเคมี ปิโตรเลียม ยางและพลาสติก กลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์จากความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและการผลิตเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ย่อยในเกือบทุกหมวดธุรกิจของภาคการผลิตยังต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาค การผลิตแย่ลงจากเดือนก่อน
ส่วนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 53.4 ตามการเพิ่มขึ้นของทุกองค์ประกอบและดัชนีฯ ย่อยในเกือบ ทุกหมวดธุรกิจ โดยธุรกิจส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นดีขึ้นจากปัจจุบัน ยกเว้น กลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มก่อสร้าง ที่ดัชนีฯ ปรับลดลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 อีกครั้ง โดยความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลดลงในด้านคำสั่งซื้อ การผลิตและผลประกอบการเป็นสำคัญ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นด้านการส่งออก ที่ปรับลดลงมาก ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มก่อสร้างลดลงจากด้านการจ้างงานและต้นทุนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปรับดีขึ้นมาก ตามราคาปัจจัยการผลิตหลายรายการที่มีแนวโน้มลดลง แต่ระดับของดัชนีฯ ยังต่ำ โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจก่อสร้างที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและค่าไฟฟ้าแปรผันอัตโนมัติ (ค่า FT) เนื่องจากพลังงานและแรงงานเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของธุรกิจกลุ่มนี้
ต้นทุนการผลิตสูงยังคงเป็นอุปสรรคอันดับแรกในการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ขณะที่กำลังซื้อในประเทศที่เปราะบาง และการปรับราคาสินค้าทำได้ยาก เป็นข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการกังวลมากขึ้นในเดือนนี้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือน ข้างหน้าปรับลดลงจาก 4.6% ในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 4.4%