บริษัท อัลโค อิงค์ (Alcoa Inc.) ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เปิดเผยว่าผลกำไรไตรมาสแรกปีนี้ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่า อนาคตการดำเนินธรุกิจของบริษัทยังคงสดใส
"ปัจจัยพื้นฐานของตลาดยังคงแข็งแกร่ง และเรายังมีโอกาสที่จะกระตุ้นผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่เศรษฐกิจในอเมริกาเหนือและยุโรปดีดตัวขึ้น" อัลเลน เบลดา ประธานและซีอีโอของอัลโคกล่าว
คลาอุส เคลนเฟลด์กล่าวต่อกลุ่มนักวิเคราะห์และผู้สื่อข่าวว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทในอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์การบินยังคงแข็งแกร่ง และคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นเขตเมืองที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนาต่างๆได้สร้างโครงสร้างสาธารณูปโภคใหม่ๆ
เขากล่าวว่า จากแนวโน้มดังกล่าว อัลโคคาดว่าอัตราการใช้อลูมิเนียมจะเพิ่มขึ้นกว่า 6% ต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า
อัลโคกล่าวว่า บริษัทมีรายได้ 303 ล้านดอลลาร์ หรือ 37 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 662 ล้านดอลลาร์ หรือ 75 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนยอดขายปรับตัวลดลงเกือบ 7% แตะ 7.38 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.91 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านี้
ผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ที่ธอมสัน ไฟแนนเชียลได้สำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 7.18 พันล้านดอลลาร์ หรือ 48 เซนต์ต่อหุ้น
เบลดากล่าวว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท แต่ปริมาณอลูมิเนียมในตลาดโลกยังคงตึงตัวและราคาพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะความต้องการในเอเชีย โดยเฉพาะจีน ที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ราคาอลูมิเนียมพุ่งขึ้น 24.5% ในช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ราคาวัตถุดิบและน้ำมันที่สูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มผู้ผลิตอลูมิเนียม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--