นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งขณะนี้เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของกระบวนการออกกฎหมาย เพื่อบังคับใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา กระบวนการออกกฎหมาย CBAM ได้เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาหารือ 3 ฝ่าย (trilogue) ระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรป (องค์กรฝ่ายบริหารของอียู) รัฐสภายุโรป และคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป
นางอรมน กล่าวว่า จากการเจรจาหารือดังกล่าว แต่ละฝ่ายยังมีความเห็นไม่ตรงกัน อาทิ รัฐสภาอียูต้องการขยายขอบเขตสินค้าให้กว้างขึ้น โดยเพิ่มไฮโดรเจน เคมีภัณฑ์ และพลาสติก และขยายระยะเวลาของช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น 4 ปี (ปี 66-69) ขณะที่คณะมนตรีฯ ต้องการให้คงไว้แค่กลุ่มสินค้า 5 ประเภทก่อน และให้ยกเว้นการบังคับใช้กับการนำเข้าสินค้าในมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโร รวมถึงให้คงระยะเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น 3 ปี เหมือนข้อเสนอเดิมของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งอียูจะประชุม trilogue ครั้งสำคัญในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดของกฎหมาย CBAM ต่อไป
สำหรับการออกมาตรการ CBAM สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เผยแพร่ร่างกฎหมาย CBAM เมื่อเดือน ก.ค. 64 มีสาระสำคัญให้ผู้นำเข้าสินค้ามาในอียูแจ้งปริมาณสินค้าที่นำเข้าในรอบ 1 ปีก่อนหน้า และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านำเข้านั้น รวมทั้งต้องซื้อ "ใบรับรอง CBAM" ตามปริมาณการปล่อยก๊าซฯ ซึ่งราคาใบรับรอง อ้างอิงตามราคาซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจกในตลาดคาร์บอนของอียู (EU Emission Trading Scheme: EU-ETS) (ราคาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 65 อยู่ที่ประมาณ 85 ยูโรต่อ 1 ตันคาร์บอน)
ทั้งนี้ จะเริ่มบังคับใช้มาตรการ CBAM ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 กับสินค้า 5 ประเภท ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย และไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตอาจขยายมาตรการให้ครอบคลุมสินค้าประเภทอื่นด้วย โดยในช่วง 3 ปีแรก (ปี 66-68) จะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยผู้นำเข้ามีหน้าที่รายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้มาตรการ CBAM อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องซื้อและส่งมอบใบรับรอง CBAM ประกอบการนำเข้าด้วย
"แม้ว่าปัจจุบัน อียูยังไม่ได้ข้อสรุปในรายละเอียดของมาตรการ CBAM แต่ขอให้ผู้ส่งออกไทย ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือเกี่ยวกับรายการสินค้าที่คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอไว้เดิม หรือที่รัฐสภายุโรปต้องการเพิ่ม โดยเฉพาะการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพื่อให้ทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตสินค้า ซึ่งจะนำมารายงานภายใต้มาตรการ CBAM และพิจารณาปรับกระบวนการผลิตให้ปล่อยคาร์บอนต่ำ" นางอรมน กล่าว
อย่างไรก็ดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ประสานงานกัน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ไทยมีระบบบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกที่ดีและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งเตรียมความพร้อมก้าวสู่สังคมและเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปล่อยคาร์บอนต่ำได้ต่อไป