นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยสถานการณ์การผลิตกุ้งของไทยปี 2565 โดยคาดว่าจะผลิตกุ้งได้ประมาณ 280,000 ตัน เท่ากับปีที่แล้ว เป็นผลผลิตกุ้งจากภาคใต้ตอนบน 32% จากภาคตะวันออก 25% จากภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน 21% ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 10% และจากภาคกลาง 12% พร้อมคาดการณ์ว่า ในปี 66 ไทยจะผลิตกุ้งได้ 300,000 ตัน
ส่วนผลผลิตกุ้งทั่วโลก คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11% โดยประเทศในกลุ่มอเมริกากลาง-อเมริกาใต้ ผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและปีที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะเอกวาดอร์ ขณะที่ประเทศในเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม ผลิตกุ้งได้ลดลง ขณะที่อินเดียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น ส่วนจีนผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้น หลังมีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมากขึ้น เป็นต้น
ส่วนการส่งออกกุ้งเดือน ม.ค. - ต.ค.ปีนี้ ปริมาณ 122,208 ตัน คิดเป็นมูลค่า 42,812 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 128,758 ตัน มูลค่า 39,251 ล้านบาท ปริมาณลดลง 5% แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 9%
นายเอกพจน์ กล่าวว่า ในช่วงต้นปีที่สมาคมกุ้งไทย และตัวแทนอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตลอดสายห่วงโซ่การผลิต ได้เข้าพบ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และต่อมาได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้สินค้ากุ้งเป็นวาระแห่งชาติ และออกมาตรการแก้ปัญหาการเลี้ยงเรื่องโรคให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งเร่งด่วน เพื่อพลิกฟื้น สร้างความเข้มแข็ง ให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายคือ วัตถุดิบกุ้ง 400,000 ตัน เพื่อการส่งออก ให้ได้ในปี 2566 โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องโรค ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกษตรกรฯ ไม่สามารถเลี้ยงกุ้งได้ แต่จากตัวเลขผลผลิตกุ้งในปี 2565 ก็ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้จะรัฐบาล โดยกรมประมง มีความพยายามดำเนินการในหลายด้าน แต่อาจด้วยข้อจำกัด ทำให้การแก้ปัญหาที่ผ่านมาไม่ตอบโจทย์ โรคกุ้งยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกร
ดังนั้น สมาคมกุ้งไทยจึงขอเสนอไปยังพรรคการเมืองทุกพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า ให้เห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมกุ้งไทยที่เคยเป็นอุตสาหกรรมอันดับ 1 ทำรายได้เข้าประเทศปีละเกือบแสนล้าน มีผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งทางตรงทางอ้อมและครอบครัวกว่า 1 ล้านคน แต่ 10 กว่าปี หลังเกิดโรคระบาดในกุ้ง ส่งผลให้อุตสาหกรรมกุ้งไทย สูญเสียโอกาสและรายได้จากการส่งออกถึง 500,000 ล้านบาท
"ดังนั้น พรรคการเมืองที่จะมาเป็นรัฐบาลหน้า จะต้องกำหนดเป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อแก้ปัญหาโดยเฉพาะโรคกุ้ง พลิกฟื้น พัฒนาสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ให้กับอุตสาหกรรมกุ้งไทย เพื่อให้เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละเกือบแสนล้านบาทให้ได้ เพื่อเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย เหมือนที่เป็นมาก่อนเผชิญปัญหาโรคระบาดให้ได้" นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าว
ด้านนายปกครอง เกิดสุข อุปนายกสมาคมกุ้งไทย และประธานที่ปรึกษาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามันว่า ผลผลิตปี 2565 คาดการณ์ว่ามีผลผลิตประมาณ 58,200 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 2% พบการเสียหายจากโรคตัวแดงดวงขาวจำนวนมากในช่วงต้นปี และเชื้ออีเอชพี และโรคขี้ขาว ยังเป็นปัญหาสำคัญทำให้เกษตรกรจับกุ้งก่อนกำหนด เกษตรกรบางส่วนที่เลี้ยงกุ้งขาวไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตรัง กระบี่ พังงา และภูเก็ต เปลี่ยนไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำมากขึ้น
น.ส.พัชรินทร์ จินดาพรรณ นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย และเลขาธิการสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งปี 2565 ในพื้นที่ภาคตะวันออกมีประมาณ 69,900 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% โดยสภาวะอากาศแปรปรวนในช่วงต้นปี ส่งผลให้เกิดความเสียหายจากโรคตัวแดงดวงขาว และฝนที่มาเร็วกว่าปกติและตกหนัก ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยง บางพื้นที่เกิดน้ำท่วม และหลังน้ำลดเกิดปัญหาโรคระบาดหัวเหลืองและตัวแดงดวงขาวตามมา เกษตรกรบางส่วนชะลอการลงกุ้ง เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีความเต็มต่ำ คุณภาพน้ำไม่เหมาะสม นอกจากนี้ พบอาการขี้ขาวในบ่อกุ้งระหว่างเลี้ยง ทำให้ต้องจับกุ้งก่อนกำหนด ผลผลิตต่อไร่ต่ำ
ส่วนผลผลิตภาคกลาง ประมาณ 34,100 ตัน เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน เกษตรกรมีการลงกุ้งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคากุ้งดี สภาพอการแปรปรวนช่วงต้นปี ส่งผลให้เกิดโรคหัวเหลืองและตัวแดงดวงขาว รวมถึงปัญหาขี้ขาว ทำให้เกษตรกรจับกุ้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ปัจจัยการผลิตราคาปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงขึ้น
ด้านนายพิชญพันธุ์ สลิลปราโมทย์ กรรมการบริหารสมาคม และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งปี 2565 ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนประมาณ 89,402 ตัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมา โดยช่วงต้นปีเกษตรกรลงกุ้งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกุ้งมีราคาดี อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นปีพบความเสียหายจากโรคตัวแดงดวงขาว สภาพอากาศที่แปรปรวนและปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความเสียหายจากโรคขี้ขาว ทำให้เกษตรกรบางส่วนหันไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
นายปรีชา สุขเกษม กรรมการสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 28,400 ตัน ลดลง 21% อีเอชพีและขี้ขาว เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงของเกษตรกรตลอดปี ทำให้ผลผลิตลดลงมาก และเกษตรกรต้องจับกุ้งก่อนกำหนด ตัวแดงดวงขาวระบาดรุนแรงในช่วงต้นปี ฝนที่ตกหนักส่งผลให้น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความเค็มต่ำ ทำให้การเลี้ยงประสบปัญหามากกว่าทุกปี เกษตรกรต้องปรับตัวโดยการพักบ่อนานขึ้น ทยอยการปล่อยกุ้ง และลดความหนาแน่นในการเลี้ยง เพื่อลดความเสี่ยง