พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรปว่า การประชุมครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเป็นการประชุมครั้งพิเศษ ได้พบปะกับอียู 27 ประเทศในเวลาเดียวกัน
นอกจากการประชุมตามวาระแล้วยังมีโอกาสพบภาคธุรกิจและภาคธุรกิจของอียู ซึ่งต่างพร้อมร่วมมือกับไทย และยังได้หารือถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งหารือทวิภาคีกับผู้บริหารอียูหลายประเทศที่ต่างให้ความสนใจ ซึ่งวันนี้หลายภูมิภาคกลับมาให้ความสนใจอาเซียน ซึ่งในครั้งนี้ได้ย้ำนโยบายเศรษฐกิจของไทยเจริญเติบโตควบคู่ความยั่งยืน
ขณะเดียวกันเรามุ่งเน้นไปสู่การเจรจาเพื่อนำไปสู่ FTA ซึ่งเจรจาไป 5 รอบแล้ว ทั้งนี้รอบที่ 6 และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นจนวันนี้สามารถลงนาม PCA เพื่อเดินหน้าไปสู่ FTA ต่อไปในอนาคต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน ซึ่งในยุโรปและหลายๆ ประเทศก็มีความเดือดร้อนทั้งหมดจากราคา 10 กว่าดอลลาร์/บาร์เรล ก็ขึ้นเป็น 30 เหรียญ 50 เหรียญ 100 เหรียญ ซึ่งมีปัญหามากกว่าประเทศไทยพอสมควรจากสภาพอากาศที่มีความหนาว
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์ถือว่าดีขึ้น แต่ที่ผ่านมาเราได้มีการเอาเงินส่วนหนึ่งมาชดเชยไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนชดเชยในส่วนที่ลดลงและส่วนที่ขาดทุน เนื่องจากใช้เงินกู้มาเติมเต็มในส่วนนี้ทั้งสิ้น ส่วนราคาก๊าซวันนี้มีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลงซึ่งมีความเกี่ยวพันกันทั้งคู่ เพราะเป็นแหล่งผลิตพลังงาน
ส่วนเรื่องก๊าซยังคงมีปัญหาอยู่เยอะ เนื่องจากเป็นพลังงานที่จะนำไปใช้ผลิตไฟฟ้า ฉะนั้นไฟฟ้าจะราคาสูงขึ้น แต่รัฐบาลจะพยายามทำให้ค่า Ft ต่ำที่สุด ซึ่งก็ต้องหาเงินมาทดแทน
"ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ จึงขอให้พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด วันนี้พยายามจะปรับเรื่องการจ่ายพลังงานให้ถูกวัตถุประสงค์ เช่น พลังงานสีเขียวจะให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ส่วนพลังงานที่มีต้นทุนแพงจะมีไว้สำหรับผู้ที่มีผลประกอบการสูง ถ้าเราร่วมมือกันทุกอย่างจะไปได้ จะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ขอให้เสียสละกันบ้าง"