นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.82 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.82 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.73-34.88 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทวันนี้ยังเคลื่อนไหวในแบบ sideway เพื่อรอปัจจัยใหม่ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม โดยพรุ่งนี้ นักลง ทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม คือ -0.10% แต่ต้องจับตาถ้อยแถลงของ ผู้ว่าการ BOJ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อ sentiment ของตลาด เช่น สถานการณ์โควิดในจีน, ความขัดแย้งระ หว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นต้น
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70 - 35.00 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 136.05 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 135.97 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0628 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0599 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,618.20 จุด ลดลง 0.81 จุด (-0.05%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 44,499 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 768.97 ลบ. (SET+MAI)
- นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) แต่ละกระทรวงจะเสนอแพ็คเกจของขวัญที่จะมอบให้กับประชาชนใน
- แบงก์ชาติ ชี้เศรษฐกิจไทยในปี 65 และช่วงปีถัดๆ ไป จะมีแรงส่งที่สำคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาค
- แบงก์ชาติ เผยยังไม่สามารถเจาะจงได้ชัดเจนว่าจะกลับมาเห็นการดำเนินนโยบายการเงินแบบภาวะปกติ (Policy
- Krungthai COMPASS ชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 66 จะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจากเครื่องยนต์เดียวคือ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 ซึ่งจะกดดันการฟื้นตัวของ
- นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) ท่ามกลางกระแส
- รัฐบาลญี่ปุ่น เตรียมหารือกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพื่อปรับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% โดยคาดว่าจะหารือกัน
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากยูบีเอส (UBS) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี
- ผู้จัดการกองทุนและอุตสาหกรรมการเงิน ระบุว่า กลุ่มเศรษฐีชาวจีน หันหลังให้กับการถือครองสินทรัพย์ในประเทศ และหัน
ไปมองหาสินทรัพย์ในสหรัฐและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นกระแสที่จะมาแรงในปี 2566