นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบมาตรการการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2566 ให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีการประเมินว่า 5 มาตรการภาษีที่เป็นของขวัญปีใหม่จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ราว 1.86 หมื่นล้านบาท แต่จะช่วยให้มีการจับจ่ายใช้สอยและมีสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจถึง ประมาณ 2.78 แสนล้านบาท และทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 66 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.76% จากคาดการณ์ปัจจุบันที่ 3.8%
มาตรการสำคัญทั้ง 5 ประกอบด้วย มาตรการ"ช้อปดีมีคืน", มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่อยู่อาศัยปี 2566, มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566, มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินในประเทศ และมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ส่วนมาตรการคนละครึ่ง ขณะนี้ยังไม่มีออกมาเพิ่มเติมแล้ว แต่อนาคตคงต้องไปพิจารณาอีกทีตามความเหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ได้ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่าเมื่อเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้น ต้องปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจทำงานไปตามกลไก นโยบายการคลังจะต้องเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ลดภาระงบประมาณที่จะเข้าไปกระตุ้นลง และมุ่งทำนโยบายแบบเน้นกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้การใช้ทรัพยากรด้านการคลังมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
"โครงการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ผ่านมา อาทิ เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ เราไม่ทิ้งกัน หรือคนละครึ่ง ที่ผ่านมาใช้เงินจากการกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท แต่ตอนนี้เงินกู้ดังกล่าวจบไปแล้ว หลังจากนี้ก็คงต้องปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจทำงานตามกลไกมากขึ้น โดยการระบาดของโควิด-19 ก็คลี่คลายลงมากแล้ว ประชาชนก็มีรายได้ มีงานทำมากขึ้นด้วย" รมว.คลัง กล่าว