นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบจากการรายงานว่าปริมาณการส่งออกน้ำตาลของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยไทยถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำตาลทรายอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งจากการรายงานศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าปี 2566 มูลค่าการส่งออกน้ำตาลทรายของไทย น่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2565 ที่อาจเติบโตได้ถึง 125%
โดยเมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของ 2 ปีก่อนหน้านี้ ที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 2563-2564 และผลกระทบโควิดใน 10 เดือนแรกของปี 2565 มูลค่าการส่งออกน้ำตาลทรายได้ขยายตัว 120.1% ซึ่งคาดว่ามูลค่าการส่งออกน้ำตาลของประเทศไทยจะสูงถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566 ขยายตัว 1-5%
"ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ลำดับที่ 4 ของโลก รองจากบราซิล อินเดีย และอียู ซึ่งจากปัจจัยที่เอื้ออำนวย ในปีนี้และปีหน้า ประเทศไทยสามารถไต่อันดับการส่งออกน้ำตาลในระดับที่สูงขึ้นได้" นายอนุชา กล่าว
นอกจากนี้ ปริมาณผลผลิตและสต็อกน้ำตาลทรายของไทย เพียงพอกับความต้องการในตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศที่สามารถปลูกอ้อยได้ดี ทำให้สามารถผลิตน้ำตาลได้ปริมาณมาก และมีคุณภาพสูง สำหรับฤดูกาลผลิตอ้อยปี 2565/2566 คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตมากกว่า 100 ล้านตัน และจากการที่อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 2 ของโลกจำกัดการส่งออกน้ำตาลจนถึงเดือนตุลาคม 2566 เพิ่มโอกาสให้ไทยสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกน้ำตาลได้
ขณะที่การส่งออกน้ำตาลทรายพบว่า มีตลาดคู่ค้าใหม่หลายประเทศที่ต้องการนำเข้าน้ำตาลทรายจากไทยมากขึ้น เช่น จีน แทนซาเนีย เคนยา อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายปัจจัยแม้ว่าจะมีโอกาสทางการค้า แต่อาจมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากปริมาณการผลิตน้ำตาลที่มากขึ้น จากบราซิล ไทย และจีน อาจส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลดลง
"กระแสโลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ผู้คนคำนึงถึงสุขภาพในการรับประทานอาหารมากขึ้น จึงอยากให้ภาคส่วนธุรกิจคำนึงถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง และนำมาปรับใช้ สร้างไอเดียทางธุรกิจ ต่อยอดประกอบกับการพัฒนาทางนวัตกรรม เพื่อให้ไทยไม่ตกกระแส และมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เท่าทันกระแสของโลกเสมอ" นายอนุชา กล่าว