นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงกระทู้สดของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถึงแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกรณีรถไฟไม่เข้าสถานีหัวลำโพงอย่างไร โดยยืนยันว่า การย้ายสถานีปลายทางเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์นั้น เป็นการย้ายรถไฟเพียงบางส่วน ไม่ได้ย้ายทั้งหมด โดยขบวนรถที่จะย้ายมาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ได้แก่ รถไฟทางไกลเชิงพาณิชย์ เช่น รถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว ซึ่งเดินรถทางไกลระหว่างจังหวัดมีการเดินรถรวม 52 ขบวนต่อวัน ขณะที่รถไฟเชิงสังคม เช่น รถชานเมืองและรถธรรมดา ที่ประชาชนใช้สัญจรเป็นประจำเพื่อเดินทางไปทำงาน 48 ขบวนต่อวัน ยังคงวิ่งให้บริการเข้า-ออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ตามปกติ เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนที่เดินทางเป็นประจำน้อยที่สุด
ส่วนประเด็นเรื่องการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนนั้น กระทรวงคมนาคมมีแผนรองรับ และเยียวยาผลกระทบของประชาชนจากการเปลี่ยนแปลงสถานีปลายทางของรถไฟเชิงพาณิชย์สายเหนือ สายตะวันออก และสายใต้ ดังนี้
1.ผู้โดยสารรถเชิงพาณิชย์ (ขาเข้ากรุงเทพฯ) ที่ถือตั๋วโดยสาร และระบุปลายทางในตั๋ว คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีดอนเมือง (ยกเว้นสถานีรังสิต) หากมีความประสงค์จะลงในสถานีที่รถไฟไม่สามารถจอดเทียบชานชาลาได้ สามารถนำตั๋วโดยสารแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่สถานีรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) และเข้าใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
2.ผู้โดยสารรถเชิงพาณิชย์ (ขาออกกรุงเทพฯ) ที่ถือตั๋วโดยสาร และระบุต้นทางในตั๋วโดยสาร คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีดอนเมือง (ยกเว้นสถานีรังสิต) สามารถนำตั๋วโดยสารแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่สถานีรถไฟฟ้า (สายสีแดง) เพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีดอนเมือง ที่ระบุบนตั๋วโดยสารได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
3.กรณีผู้โดยสารรถไฟเชิงสังคม สามารถใช้ตั๋วโดยสาร (รายเดือน) กับรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ได้ในสถานีที่รถไฟที่ไม่สามารถจอดให้บริการได้ เช่น สถานีบางเขน สถานีทุ่งสองห้อง สถานีหลักสี่ และสถานีการเคหะ
โดยมีระยะเวลาการเยียวยา 1 ปีนับจากวันที่เริ่มดำเนินการ เพื่อบรรเทาปัญหาผู้เดินทาง และจะมีการประเมินผลอีกครั้ง สำหรับผู้โดยสารรถไฟเชิงพาณิชย์ที่ต้องการเดินทางเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) สามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟเชิงสังคมที่ให้บริการมากกว่า 50 ขบวนได้ที่สถานีรังสิต สถานีดอนเมือง และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะอื่นเช่นกัน
รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และได้นำมาปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 19-28 ต.ค.65 พบว่า 70.30% เห็นด้วยกับการย้ายสถานีปลายทาง โดยเห็นว่า สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์มีความเหมาะสม และมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของประเทศ และอยากให้มีการใช้ประโยชน์จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ให้คุ้มค่าสูงสุด
สำหรับแผนการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้กำหนดเริ่มให้บริการรถไฟทางไกล ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.66 เป็นต้นไป โดยวันดังกล่าวจะมีการเปิดเดินขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ในเวลา 13.19 น. ด้วยขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA เดินรถจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีอยุธยา ซึ่งขณะนี้ได้ทดลองเดินรถเสมือนจริงของรถไฟทางไกลร่วมกับรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) และพนักงานขับรถไฟ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทาง และระบบในพื้นที่ สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.65 รวม 1,458 เที่ยววิ่ง
รวมไปถึงตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.66 เป็นต้นไป รถไฟโดยสารสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือทุกขบวน จะใช้เส้นทางรถไฟยกระดับของสายสีแดง ระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีรังสิต ซึ่งมีทางตัดผ่านถนนเสมอระดับทาง 8 แห่ง บนถนนแจ้งวัฒนะ ถนนงามวงศ์วาน และจะไม่มีขบวนรถไฟโดยสารเดินบนเส้นทางรถไฟเดิมระดับดิน
นอกจากนี้ รฟท.ได้ปรับแผนเดินรถไฟขนส่งสินค้าให้เดินเข้าเขตกรุงเทพฯ ชั้นในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งช่วยลดจำนวนรถไฟที่จะผ่านจุดตัดถนน ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อการลดการจราจรแออัดในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน และช่วยลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟ ลดความสูญเสียต่อประชาชนด้วย