น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยออกไปอีก 3 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 65 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 68
นอกจากนี้ ได้ปรับชื่อโครงการจากโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย เป็นโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ระยะที่ 2 เพื่อให้เป็นกลไกขับเคลื่อนการสนับสนุนสินเชื่อในการปฏิรูปภาคการเกษตร การสร้างกิจกรรมและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงานในชุมชนอย่างต่อเนื่อง และยกระดับคุณภาพการผลิตสินค้าเกษตรในห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มให้ได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด รวมทั้งทำให้เกิดความยั่งยืนตามแนวทาง BCG Model BCG Model
น.ส.ทิพานัน ได้เพิ่มเติมกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรกร บุคคลทั่วไป ลูกค้า Smart Farmer (คือเกษตรกรที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัล นวัตกรรม รวมถึงข้อมูลหรือแนวคิดทางธุรกิจแบบใหม่ เพื่อผลักดันประสิทธิภาพการผลิตให้ได้มากที่สุดภายใต้งบประมาณที่เหมาะสมที่สุด) ชุมชนที่อยู่ระหว่างกระบวนการพัฒนาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกลุ่มผู้ใช้น้ำที่พัฒนาเป็นกลุ่มผู้ผลิตตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ขณะเดียวกัน ได้ขยายวัตถุประสงค์ให้สอดคล้องกับการดำเนินโครงการในการปฏิรูปภาคการเกษตร สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่หรือต่อยอดธุรกิจชุมชนเดิม โดยการปรับเปลี่ยนพัฒนาการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม หรือดำเนินการตามแนวทาง BCG Model ภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หรือโครงการพัฒนาการบริหารจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นกลไกการขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการผลิต รองรับการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สังคมเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นสินเชื่อเพื่อเป็นค่าลงทุนในการดำเนินกิจการ และเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการดำเนินกิจการที่มีอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้น จะคิดอัตราดอกเบี้ยตามเกณฑ์ปกติของธนาคาร ซึ่งโครงการเดิมที่สิ้นสุดไปแล้ว มีผู้ได้ประโยชน์จากการขอสินเชื่อ 5,155 กลุ่ม/ราย สำหรับสินเชื่อทั้งหมด 22,933.22 ล้านบาท ทำให้ยังเหลือวงเงินสินเชื่ออีกประมาณ 27,066.78 ล้านบาท จากวงเงินเต็ม 50,000 ล้านบาท
"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งมั่นโครงการนี้ให้มีความต่อเนื่อง เพื่อให้มีทุนหมุนเวียนแก่เกษตรกร ทำให้เกิดการปฏิรูปภาคการเกษตร สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ชุมชน และเกิดกิจกรรมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงานในชุมชน รวมถึงสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนทุกท้องถิ่นทั่วไทย" น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการประเมินผล เพื่อหารูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และทำการขยายผลเพื่อสนับสนุนให้การปรับโครงสร้างการผลิตและบริการภาคการเกษตรของไทย ไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านการผลิตและการบริโภคไปสู่ความยั่งยืนต่อไป