ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมโลหะคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลนพลังงานในชิลีอาจทำให้รัฐบาลชิลีต้องลดปริมาณการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเหมืองทองแดง เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเหมืองพลาตินัมในแอฟริกาใต้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาทองแดงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายฮิวจ์ คัลลาแกน ประธานบริษัทเหมืองทองแดง ทามายา รีซอสเซส กล่าวว่า "ภาวะขาดแคลนพลังงานกำลังกลายเป็นปัญหาในชิลี ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาทองแดงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 8,820 เมตริกตัน/ดอลลาร์ในตลาดลอนดอน ซึ่งเพิ่มจากระดับปัจจุบันประมาณ 3.3% และถ้าความต้องการทองแดงในจีนเพิ่มขึ้นอีก ก็อาจทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นกว่านี้ และอาจทำให้เกิดภาวะอุปทานตึงตัว"
ราคาทองแดงปรับตัวสูงขึ้นมาตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการทองแดงจากทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น โดยทองแดงเป็นโลหะที่ใช้ผลิตสายไฟฟ้า ท่อส่งน้ำมัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้คลังสำรองทองแดงทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างมาก
ด้านนายเซอร์จิโอ ซาปาตา นักวิเคราะห์จากบริษัทบองชิลี คอร์เรดอเรส เดอ บอลซา กล่าวว่า รัฐบาลชิลีอาจจำกัดการใช้พลังงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2542 เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งทำให้ระดับน้ำในเขื่อนเก็บน้ำเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า ลดลง
"นอกจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งแล้ว ผลผลิตพลังงานไฟฟ้าในชิลีปรับตัวลดลงนับตั้งแต่อาร์เจนติน่าประกาศลดการขนส่งแก๊สตั้งแต่ปี 2547 จึงทำให้พื้นที่ตอนเหนือของชิลีต้องหันมาใช้แก๊สธรรมชาติแทนเชื้อเพลิงดีเซล ซึ่งทำให้เครื่องจักรมีความเสี่ยงที่จะสึกหรอและนำไปสู่ภาวะขาดแคลนพลังงานได้ง่าย" นายซาปาตากล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาโลหะทองแดงในตลาด NYMEX อาจพุ่งขึ้น 3.9% ถ้าวิกฤตการณ์พลังงานในชิลีรุนแรงขึ้น และคาดว่าราคาเฉลี่ยของโลหะทองแดงในปีนี้จะอยู่ที่ 3.50 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ระดับ 3.23 ดอลลาร์/ปอนด์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--