นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายน 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อน และการส่งออกสินค้าชะลอลงตามทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.9% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 5.6% สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ขยายตัวที่ 9.9% และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.9 จากระดับ 46.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยเป็นผลมาจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทิศทางราคาสินค้าและค่าครองชีพมีแนวโน้มลดลง
สำหรับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.1% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาล -0.4% ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -14.8% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาล -6.4%
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.2% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 13.6% และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.2% แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาล
สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.9% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 1.9% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.8%
มูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 22,308.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -6.0% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่าลดลงเล็กน้อยที่ -2.0% เนื่องจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะลอลง ส่งผลให้สินค้าส่งออกของไทยลดลง อย่างไรก็ดี สินค้าส่งออกที่ยังขยายตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และไก่แปรรูป และเครื่องดื่ม รวมทั้งสินค้าเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี ตลาดที่ยังคงขยายตัว ได้แก่ สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา สหภาพยุโรป (15) และสหรัฐฯ ขยายตัวที่ 22.2% 13.8% 7.1% 3.2% และ 1.2% ตามลำดับ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 1.2% ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 93.5 จากระดับ 93.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ตามการขยายตัวของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อการผลิตและส่งออกสินค้าในระยะต่อไป
ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -5.6% สำหรับภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤศจิกายน 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 1.75 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1,815.9% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -30.1% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนพฤศจิกายน 2565 จำนวน 19.1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 69.0% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -26.4%
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยปัจจัยกดดันจากระดับราคาสินค้าเริ่มปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 5.55% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.22% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 อยู่ที่ 60.60% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 0.62% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด
สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ในระดับสูงที่ 210.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ