พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันทำงานสุดท้ายของปี ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยในช่วงเช้านายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อรายงานปัญหาด้านงบประมาณสำหรับกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และงบประมาณเพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการรองรับกรณีประเทศจีนเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก
โดยภายหลังการหารือ 1 ชั่วโมง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ภายหลังจีนประกาศเปิดประเทศ โดยจะต้องดูแลความปลอดภัยให้กับคนไทยเป็นหลัก
ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขแล้ว และในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยมั่นใจว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในวันที่ 5 มกราคม 2566 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเตรียมพร้อม และเน้นดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับคนไทยต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องเตรียมการไว้
ผู้ว่าฯ ททท. ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นลูกค้าหลักของไทยในช่วงที่ผ่านมา และหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็จะมาช่วยเติมเต็ม โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากนักท่องเที่ยวระยะไกลยังไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไทยไม่ได้เตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นพิเศษ เนื่องจากภาคเอกชนอยากให้เป็นไปตามกลไกปกติเหมือนกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ดังนั้นหลังจีนเปิดประเทศแล้ว ภาคเอกชนคาดการณ์ว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-มี.ค.) จะมีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 300,000 คน ซึ่งจะส่งผลให้ ททท. มีการปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยว จากเดิม 20 ล้านคน เป็น 25 ล้านคนต่อปี และในส่วนของรายได้ ยังคงยึดเป้าหมายเดิมที่ 2.4 ล้านล้านบาท