ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.51/52 อ่อนค่าจากแรงซื้อดอลลาร์ จับตาถ้อยแถลงปธ.เฟดคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 10, 2023 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.51/52 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.39 บาท/ดอลลาร์

ช่วงเช้าวันเงินบาทลงไปแข็งค่าสุดที่ระดับ 33.31/33 บาท/ดอลลาร์ ส่วนในช่วงบ่ายเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยอยู่ใน ช่วง 33.50 บาท/ดอลลาร์ +/- 5 สตางค์ ทั้งนี้ เงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้แข็งค่ามาหลายแล้ว จึงมีแรงซื้อ ดอลลาร์เข้ามา

"เย็นนี้เงินบาทอ่อนค่า เป็นการรีบาวด์ขึ้นมา เนื่องจากบาทแข็งค่าไปหลายวันในช่วงก่อนหน้านี้ วันนี้จึงมีแรงซื้อดอลลาร์กลับ เข้ามา" นักบริหารเงิน ระบุ

คืนนี้ตลาดรอฟังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเดือนธ.ค. ซึ่งจะมี การรายงานในวันพฤหัสฯ นี้

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.35 - 33.70 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 131.86/87 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 131.58 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0740/0744 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0734 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,691.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด (+0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 80,561 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,330.32 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย คาดการส่งออกไทย ปี 66 มีโอกาสเติบโตได้เพียง 1% ต่ำสุดใน
รอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปี 63 โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัว, ปัญหาสงครามรัสเซีย-
ยูเครนที่ยืดเยื้อ, ราคาน้ำมัน-เงินเฟ้อ-ราคาสินค้า ยังอยู่ในระดับสูง, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบาย
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการส่งออกปี 66 ขยายตัวได้ 2% แนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องตาม
ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย โดยการส่งออกอาจซึมยาวทั้งไตรมาส 1 และมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 จากการเปิดประเทศ
ของจีน และมีอัตราการเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
  • ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 66 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตได้ 3.4% จาก
ปัจจัยของภาคท่องเที่ยวที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และเข้ามาทดแทนภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่าง
ชาติเดินทางเข้าไทยราว 22.5 ล้านคน ขณะที่ประเมินว่าภาคการส่งอออกไทยในปีนี้ จะเติบโตได้เพียง 0.7%
  • China Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจีน บ่งชี้ว่า แรงกดดันจากภาวะเงินฝืดในจีนย่ำแย่ลงในไตร
มาส 4/65 หลังเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเติบโตแบบอ่อนแอ แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้
  • สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดการเดินทางของผู้โดยสารขาเข้าประเทศ แตะ 251,045 ครั้ง เมื่อวัน
อาทิตย์ที่ 8 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกหลังการปรับเปลี่ยนนโยบายรับมือโควิด-19 ครั้งใหญ่ของจีน
  • ดัชนีผู้บริโภคพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสด) ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดัชนีวัดแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วประเทศนั้น ปรับตัว
ขึ้น 4% ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อ
กัน ส่งสัญญาณว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อขยายวงกว้างขึ้น
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
0.5% หรือ 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ.นี้
  • ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยความเป็นอิสระของธนาคาร
กลางในการเสวนาที่จะจัดขึ้นที่กรุงสตอกโฮล์มในวันนี้ (10 ม.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนี

ราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค. จากมหาวิทยาลัย

มิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ