นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า 3 องค์กรภาครัฐ ซึ่งประกอบด้วย บสย., สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) และ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (เซ็นทรัลแล็บไทย) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสร้างโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้วยงานวิจัย และเข้าถึงแหล่งทุน โดยในการลงนามครั้งนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงก้าวสำคัญของการยกระดับภาคเกษตรแปรรูปให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดย บสย. พร้อมให้ความช่วยเหลือใน 3 ด้าน คือ
1. สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุน โดย บสย. เป็นผู้ค้ำประกัน
2. ให้คำปรึกษาทางการเงินและธุรกิจ การลงทุน ต่อยอดขยายกิจการ พัฒนาธุรกิจ โดยศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน บสย. F.A. Center เป็นพี่เลี้ยงให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ใช้บริการเซ็นทรัลแล็บไทย และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
3. พร้อมเป็นหลักประกัน "ค้ำประกันสินเชื่อ" ให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเงินทุนแต่มีหลักประกันไม่เพียงพอ สามารถเข้าถึงสินเชื่อ โดยผู้ประกอบการ SMEs สามารถลงทะเบียนขอรับคำปรึกษาทางการเงิน ผ่านช่องทาง LINE TCG First และตรวจสุขภาพทางการเงินฟรี
นายสิทธิกร กล่าวต่อว่า การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งเซ็นทรัลแล็บไทย และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน พร้อมสนับสนุนยกระดับมาตรฐานสินค้า โดยนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการวิจัย วิเคราะห์เพื่อการปรับปรุงและพัฒนา สร้างมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรม และเกษตรแปรรูปให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้ามาใช้บริการ
"บสย. พร้อมสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อ และแหล่งทุน ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนการให้ความรู้ทางการเงิน ร่วมกันยกระดับและเสริมแกร่งผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีโอกาสที่จะช่วยเหลือ SMEs เกษตรแปรรูปได้ถึง 500 ราย วงเงินค้ำประกันประมาณ 1,000 ล้านบาท" นายสิทธิกร กล่าว
ด้าน นายสาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สถาบันฯ ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือทางวิชาการมาโดยตลอด ซึ่งการสร้างความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน
ขณะเดียวกัน พร้อมสนับสนุนกิจกรรมแก่ผู้ประกอบการ และส่งเสริมด้านวิชาการในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่ออุตสาหกรรม เพื่อผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นายชาคริต เทียบเธียรรัตน์ กรรมการผู้อำนวยการ เซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวว่า เซ็นทรัลแล็บไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ภายใต้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 และในโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนงานบริการและยกระดับมาตรฐานสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการทุกกลุ่มการผลิต ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่ม SMEs ซึ่งถือเป็นฐานรากเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหาก SMEs มีความเข้มแข็ง ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดียิ่งขึ้น
"การลงนามในครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างแท้จริง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย อันจะนำมาซึ่งการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ถือเป็นการยกระดับการบริการอย่างครบวงจร สร้างทางเลือกที่หลากหลาย และยังช่วยส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง" นายชาคริต กล่าว