นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 66 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลผลักดันเป้าหมายรายได้ 80% ของรายได้ปี 62 (3 ล้านล้านบาท) หรือตั้งเป้าอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวอยู่ที่ 25 ล้านคน (รวมนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน)
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย จากเดิมช่วงก่อนโควิดเดินทางเข้ามาเดือนละ 1 ล้านคน ด้วยข้อจำกัดของเที่ยวบิน และการทำพาสปอร์ต โดยมองว่าในไตรมาสแรกของปี 66 น่าจะเดินทางเข้ามาเกิน 3 แสนคน ในจำนวนนี้รวมการเดินทางผ่านทางบกด้วย
"ททท. ให้ความสำคัญกับทุกตลาดไม่เฉพาะตลาดจีนเท่านั้น เพื่อให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาเร็วกว่าที่คิดไว้ ในช่วงปลายปี 66 อาจได้ลุ้นว่าการท่องเที่ยวกลับมาใกล้เคียงรายได้ที่เคยทำไว้เมื่อปี 62 ส่วนจะมีการประเมินการท่องเที่ยวเมื่อไรนั้น จะต้องมีการติดตามสถานการณ์ต่อไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องอำนวยความสะดวกในการเข้าเมือง ให้ข้อจำกัดในการเดินทางน้อยที่สุด" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
สำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน เรื่องเพิ่มเที่ยวบินจะต้องเป็นข้อตกลงของทั้งสองประเทศ ซึ่งไทยไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินฝั่งเดียวได้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงสล็อตไม่สามารถเปลี่ยนได้ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน โดยสำนักงานการบินพลเรือนประเทศไทย ระบุว่า บางสายการบินของจีน ได้ขอสล็อตเก่าคืนกลับไปหมดแล้ว ซึ่งสล็อตในช่วงฤดูร้อนน่าจะเริ่มตั้งแต่เดือนเม.ย. 66 เป็นต้นไป
"ตอนนี้ยังไม่กังวลเรื่องเที่ยวบิน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจจะยังไม่ได้เข้ามาเยอะ แต่มีความต้องการมากในการเดินทางเข้าประเทศไทย เห็นได้จากการสำรวจ Top destination ของคนจีน ประเทศไทยติด 1 ใน 3 เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยไม่เลือกปฏิบัติ ก็ทำให้มีความรู้สึกที่ดี" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
"ททท. มองเป้ารายได้เป็นเรื่องหลัก ถ้านักท่องเที่ยวเข้ามา 25 ล้านคน แต่รายได้ไปแตะใกล้ๆ เหมือนปี 62 จะทำให้เห็นว่า ททท. ประสบความสำเร็จในการนำการท่องเที่ยวกลับมาในเชิงคุณภาพ เนื่องจากมีสัดส่วนการใช้จ่ายต่อทริปสูงกว่าปกติ" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ที่ 6 หมื่นบาท/คน แต่ถ้านักท่องเที่ยวอยู่ไทยนานขึ้น มีการใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งถ้าสามารถนำเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness) เข้ามา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาท/คน ก็จะเป็นความท้าทายในการเพิ่มตลาดใหม่ได้
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ ปีนี้ต้องไม่น้อยกว่าปีก่อน หรืออย่างน้อย 250 ล้านคน/ครั้ง ซึ่งก็ต้องคำนึงเรื่องคนไทยเดินทางออกนอกประเทศด้วย โดยคาดรายได้อยู่ที่ประมาณ 9 แสนล้านบาท ส่วนปีหน้าถ้าตั้งเป้าว่าการท่องเที่ยวในประเทศไม่น้อยกว่าปีนี้ ก็จะสามารถลุ้นทะลุ 1 ล้านล้านบาทได้
ปัจจุบัน ททท. ให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยวทั้งหมด 3 เรื่อง คือ
1. นำความถี่ในการเดินทางเข้าประเทศไทย ให้ได้อย่างน้อย 80% ของจำนวนที่นั่งและความถี่ในปี 62 และมีอัตราการบรรทุกอย่างน้อย 90% สำหรับตลาดระยะใกล้ ต้องทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้บ่อยๆ เช่น ประเทศในอาเซียน
2. นักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้วพำนักเป็นเวลานาน ซึ่งการขยายวีซ่าก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น โดยรัฐบาลขยายเวลา Tourist visa จาก 30 วัน เป็น 45 วัน และ Visa on arrival จาก 15 วัน เป็น 30 วัน ซึ่ง ททท. เสนอให้มีการขยายเวลาพำนักให้นานขึ้นจนกระทั่งถึงสิ้นปี 66 เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย
3. นักท่องเที่ยวที่เข้ามาและใช้จ่ายจำนวนมาก
"ในระยะสั้นคือต้องเอาเครื่องบินกลับมา นำความถี่กลับมา เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้สั่งการไปแล้วว่าต้องคิดไปถึงฤดูหนาวและร้อนแล้ว ในการนำสายการบินกลับมาให้ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือการสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยสามารถเที่ยวได้ตลอดปี หากสามารถบริหารทั้ง 3 เรื่องได้ดี ก็น่าจะได้รายได้ตามเป้าแน่นอน" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ททท. ยังได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยวทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่
1. เศรษฐกิจโลกถดถอย เริ่มพบเห็นในหลายประเทศ โดยเฉพาะฝั่งตะวันตก ซึ่งหวังว่าประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
2. สถานการณ์เงินเฟ้อ โดยเฉพาะดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ถ้าเงินบาทอ่อนค่าก็เป็นผลบวกต่อไทย
3. วิกฤติพลังงาน ราคาพลังงานที่สูงขึ้น อาจส่งผลต่อต้นทุนในการเดินทาง และค่าครองชีพต่างๆ ซึ่งทั้งสามปัจจัยเสี่ยง อาจส่งผลต่อกำลังซื้อในบางพื้นที่
"ถ้าเศรษฐกิจถดถอย หลายคนปรับคาดการณ์เรื่องการส่งออก เนื่องจากดีมานด์ลดลง แต่ตอนนี้จีนกลับมา ซึ่งช้ากว่าคนอื่น หมายความว่าความต้องการเดินทางก็มากกว่าด้วย หรือเป็นการเที่ยวล้างแค้น ประกอบกับคนจีนเป็นคนประหยัด จึงน่าจะเก็บเงินไว้ 2-3 ปี และนำออกมาใช้ โดยปีหนึ่งคนจีนออกเดินทางประมาณ 100-120 ล้านคน ถ้าเข้าไทย 10 ล้านคนก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ไทยสามารถผ่านวิกฤติไปได้ แต่ก็ไม่ประมาท เนื่องจากอาจจะกระทบตลาดระยะไกล ซึ่งก็ต้องมีการหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาทดแทน ซึ่งมั่นใจว่าน่าจะดำเนินการได้ตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ได้" นายยุทธศักดิ์ กล่าว