ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่มูลค่า 15,784 ล้านบาท ได้แก่ โครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ของบริษัท บีวายดี ออโต้ คอมโพเนนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 3,893 ล้านบาท, โครงการผลิต Carbon Black ของบริษัท ไทยโตไกคาร์บอนโปรดักท์ จำกัด มูลค่า 9,490 ล้านบาท และโครงการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ ของ บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP)
โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนครั้งนี้ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ของบีโอไอ และจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในระยะยาว ทั้งด้านการสร้างฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ และโครงการที่นำขยะชุมชนมาผ่านการคัดแยกและแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง เพื่อนำไปใช้ในโรงปูนซิเมนต์ และโรงไฟฟ้าแทนการใช้ถ่านหิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่รัฐบาลกำลังผลักดัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ เห็นชอบให้จัดตั้งบริการช่องทางอำนวยความสะดวกออนไลน์สำหรับกิจการสำนักงานภูมิภาคอย่างครบวงจร (ระบบ HQ Biz Portal) ซึ่งประกอบด้วย ระบบนัดหมายให้คำปรึกษาออนไลน์ ศูนย์รวมข้อมูลและบูรณาการการให้บริการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค ระหว่าง 4 หน่วยงาน คือ บีโอไอ กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล ลดขั้นตอนและอุปสรรคในการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย
"ในสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองและสงครามระหว่างประเทศ และความอ่อนไหวของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้นักลงทุนมองหาพื้นที่ลงทุนตั้งธุรกิจที่มีความปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ จึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ใช้ช่วงเวลานี้ดึงดูดให้บริษัทชั้นนำเข้ามาจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค เพื่อใช้เป็นฐานในการกำกับดูแลและให้บริการบริษัทในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยสร้างกลไกเพื่อให้บริการข้อมูลและคำปรึกษาในจุดเดียว รวมถึงอำนวยความสะดวกในการขออนุมัติ/อนุญาต และเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและประตูการค้าแห่งใหม่ของภูมิภาค" นายนฤตม์ กล่าว