นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่ประเทศไทยมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศจีนมาโดยตลอด และเมื่อทางการจีนคลายล็อก เปิดประเทศ แล้วมีการทำสำรวจว่าชาวจีนต้องการมาประเทศไทย ทำให้มีความรู้สึกยินดี และได้มีการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าเมื่อมาเที่ยวเมืองไทยจะมีความปลอดภัย ขณะเดียวกัน ต้องทำให้คนไทยรู้สึกปลอดภัยด้วยที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน
นายอนุทิน มองว่า การที่ชาวจีนเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล เพราะภาคการท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญมาก ก่อนมีโรคโควิดระบาดนั้น ประเทศไทยได้ต้อนรับคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศ ความคึกคักเกิดขึ้น เม็ดเงินสะพัด แต่สิ่งเหล่านี้หายไปร่วม 3 ปี ซึ่งวันนี้ เรามีโอกาสที่จะกลับไปอยู่ ณ จุดที่เราเคยอยู่
"ส่วนตัวมองว่าไทยมีความเข้มแข็ง มีจุดขายมากมาย อาหารอร่อย งานบริการยอดเยี่ยม การอำนวยความสะดวกไม่เป็นรองใคร ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ" นายอนุทิน กล่าว
สำหรับมาตรการการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น นายอนุทิน ย้ำว่า จะไม่มีการแบ่งแยก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เพราะโรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แล้วเหตุใดจะต้องมีเงื่อนไขเฉพาะกับบางประเทศ ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบการแพทย์ไทย มาตรการคัดกรองต่างๆ มาจากทีมวิชาการ ซึ่งในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์แพทย์ช่วยกันคิดออกมา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ แต่ขณะเดียวกันต้องสร้างความสมดุลกับเรื่องเศรษฐกิจด้วย
"เรื่องไทยกับจีน ขอย้อนไปเล่าตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาด แล้วไทยตรวจพบคนจีนติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ตอนนั้น เรารีบรักษาจนหาย และส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งต่อมานักเดินทางจากประเทศอื่น เราก็รักษาเช่นกัน แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ทางการจีนประทับใจมาก จากนั้นตอนที่ไทยประสบปัญหา ก็ได้ทางการจีนที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ทั่วโลกไขว่คว้าหาวัคซีน ไทยก็ได้รับการสนับสนุนจากจีน ไมตรีที่เรามีให้จีน เขามองเห็นแน่นอน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเลือกที่จะเข้ามาเที่ยว และเข้ามาร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ กับประเทศไทย" รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กล่าว
พร้อมระบุว่า มีความมั่นใจว่าไม่ใช่เฉพาะชาวจีนที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว หรือลงทุนที่ไทยเท่านั้น แต่นานาชาติต่างก็มองให้ไทยเป็นเป้าหมายในการเดินทางเข้ามา เพราะเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยที่ดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ภายใต้ระบบการรักษาที่มีประสิทธิภาพ