สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนธ.ค.65 อยู่ที่ระดับ 92.6 ลดลงจากเดือนพ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.5 โดยเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน จากปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ ภาคการผลิตชะลอลง เนื่องจากเดือนธ.ค. มีวันทำงานน้อย และมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่, ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าไฟฟ้า, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์, ปัญหาเงินเฟ้อที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ และการส่งออกที่มีสัญญาณชะลอตัว
อย่างไรก็ดี ในเดือนธ.ค.65 ยังมีปัจจัยบวกต่อดัชนีเชื่อมั่นฯ ได้แก่ การบริโภคในประเทศที่ขยายตัว และมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่, การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 97.0 ในเดือนพ.ย.65 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศทยอยฟื้นตัว ตามการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ขณะที่ประเทศจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID เร็วกว่าคาด ซึ่งส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของต้นทุนการผลิต ปัญหาการแข่งขันด้านราคา และปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กระทบภาคการส่งออก
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวถึงข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐ ดังนี้
1. มาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและราคาพลังงาน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค
2. ดูแลค่าเงินบาทให้มีความสมดุล ทั้งกับผู้ส่งออกและผู้นำเข้า รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
3. อาศัยโอกาสจากการเปิดประเทศของจีน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมมาตรการด้านสาธารณสุขให้มีความเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม