ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลิตรละ 5 บาทออกไปอีก 4 เดือน สิ้นสุด 20 พ.ค.66 เพื่อตรึงราคาไม่ให้เกินลิตรละ 35 บาทต่อไป โดยคาดว่าภาครัฐจะสูญเสียรายได้ราวเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงมติ ครม.ที่เห็นชอบการต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท อีก 4 เดือน ว่า เป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน และตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ระดับ 35 บาท/ลิตร ซึ่งความเป็นจริงราคาต้องขึ้นไปที่มากกว่า 40 บาท/ลิตรนานแล้ว
ทั้งนี้ แม้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเพื่อดูแลราคาน้ำมันถึงเดือนละ 10,000 ล้านบาท รวม 4 เดือน เป็นงบประมาณทั้งหมด 40,000 ล้านบาท แต่ที่ประชุม ครม.เห็นว่าเมื่อประชาชนยังได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องต่ออายุมาตรการดังกล่าว
"ขณะนี้ สถานการณ์กองทุนน้ำมันยังติดลบ เมื่อมีการลดภาษี ส่งผลให้รายได้ก็ไม่ได้กลับมา ทำให้ไม่มีเงินที่จะแก้ปัญหาด้านพลังงานเฉพาะจุด และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า จะติดตามสถานการณ์ภายนอกประเทศ ทั้งในส่วนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และปัญหาการสู้รบในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากน้ำมันดีเซล เป็นต้นทุนในภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันในครั้งนี้ จะช่วยรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และภาคธุรกิจ ในระดับที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง จะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของการปรับลดอัตราภาษี เพื่อให้ฐานะการคลังของประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐ เป็นไปตามประมาณการการจัดเก็บรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ด้วย
"นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่ารัฐบาลดูแลมาตรการนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลพี่น้องประชาชน ในสถานการณ์ที่ราคาพลังงานของโลกยังคงผันผวนและสูงอยู่" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ